เมื่อเอ่ยถึงพระนาคเสน หลายท่านคงร้องอ๋อ เพราะเกียรติคุณของท่านที่มีความสามารถในการตอบเฉลยปัญหาของพระเจ้ามิลินท์ ได้ทุกข้อ เปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน ดังเรื่องราวต่อไปนี้..
พระเจ้ามิลินทร์ ได้ถามปัญหากับพระนาคเสนถึงเรื่องพระสึกว่า..
ข้าแต่พระนาคเสน ศาสนาของพระตถาคตเจ้านี้ เป็นของใหญ่ เป็นแก่น เป็นของที่เลือกแล้ว เป็นของดีที่สุด เป็นของประเสริฐ ไม่มีอะไรเปรียบ เป็นของบริสุทธิ์ เป็นของไม่มีมลทิน เป็นของขาว เป็นของไม่มีโทษ "จึงไม่สมควรให้คฤหัสถ์บรรพชา ต่อเมื่อคฤหัสถ์นั้น ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่อาจสึกมาได้ จึงควรให้บรรพชา ฯ "
เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ปุถุชนบรรพชาในพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์แล้ว สึกออกมา ก็เป็นเหตุให้มีผู้คิดว่า ศาสนาของพระสมณโคดม เป็นศาสนาเปล่า เพราะพวกที่บวชแล้วสึกมาได้
โยมเห็นอย่างนี้ จึงว่าไม่สมควรให้คฤหัสถ์ปุถุชนบรรพชา
พระนาคเสนตอบว่า..
ขอถวายพระพร มีสระใหญ่ เต็มเปี่ยมด้วยน้ำเย็นใส สะอาดอยู่สระหนึ่ง เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งที่เปื้อนด้วยเหงื่อไคล ลงไปอาบน้ำในสระนั้นแล้วไม่ได้ขัดสีเหงื่อไคล หรือสิ่งที่เศร้าหมอง ได้ขึ้นมาจากสระ จะมีคนติเตียนบุรุษนั้น หรือติเตียนสระนั้นอย่างไร ?
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า จะมีแต่คนติเตียนบุรุษนั้นว่า ลงไปอาบน้ำในสระ
แล้วก็กลับขึ้นมาทั้งร่างกายยังสกปรกอยู่ ไม่มีใครจะติเตียนสระนั้น
ว่าไม่ทำให้บุรุษนั้นสะอาด ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาราชา คือ พระตถาคตเจ้าได้ทรงสร้างสระอันประเสริฐ คือ พระสัทธรรมอันเต็มด้วยน้ำใส อันสะอาด คือ วิมุตติอันประเสริฐไว้อีก พวกที่เศร้าหมองด้วยกิเลส ก็คิดว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายลงสรงในสระ คือพระสัทธรรมนี้แล้ว ก็ล้างกิเลสทั้งปวงได้ แต่ถ้าผู้ใด ลงอาบน้ำในสระ
คือ พระธรรมอันประเสริฐ แล้วหวนกลับไปทั้งกิเลส ก็จะมีผู้
ติเตียนเขาได้ว่า ได้บรรพชาในศาสนาอันประเสริฐแล้ว ก็ยังทำที่พึ่ง
ให้แก่ตนไม่ได้ ยังสึกไป พระศาสนาอันประเสริฐจะทำผู้ไม่ปฏิบัติตาม
ให้บริสุทธิ์เองได้อย่างใด จะโทษพระศาสนาได้อย่างไร ดังนี้
อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่ง เป็นพยาธิ์ร้ายแรงได้เห็นหมอตัดผ่าที่เคยรักษาคนหายมามากแล้ว เป็นผู้รอบรู้ในเรื่องความเกิดแห่งโรค แต่ไม่ให้หมอนั้นรักษา ได้กลับไปทั้งพยาธิ์ มหาชนจะติเตียนบุรุษผู้เป็นพยาธิ์หรือติเตียนหมอ ฯ
ติเตียนบุรุษผู้เป็นพระพยาธิ์ไม่มีใครจะติเตียนหมอเป็นแน่ พระผู้เป็นเจ้า ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร คือ พระตถาคตเจ้าได้ทรงจัดยาอมฤต อันสามารถระงับพยาธิ์ คือ กิเลสทั้งสิ้นไว้ในผอบ อันได้แก่พระพุทธศาสนาไว้แล้วพวกที่รู้ตัวว่า ถูกพยาธิ์คือกิเลสบีบคั้น ก็ได้ดื่มยาอมฤตของพระพุทธเจ้า แล้วก็หายพยาธิ์ คือ กิเลสทั้งสิ้น
ส่วนผู้ที่ไม่ดื่มยาอมฤต ได้กลับสึกไปทั้งกิเลส ก็จะได้รับคำติเตียนว่า ได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้วแต่ทำที่พึงให้แก่ตัวไม่ได้ ได้หมุนเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลวอีกพระพุทธศาสนาจักทำผู้ไม่ปฏิบัติตามให้บริสุทธิ์เองได้อย่างไร โทษอะไรจะมีแก่พระพุทธศาสนา
อีกอย่างหนึ่ง บุรุษที่หิวข้าวไปถึงที่เขาเลี้ยงข้าวแล้ว ไม่กินข้าว ได้กลับไปทั้งความหิว คนจะติเตียนบุรุษที่หิวนั้นหรือว่าจะติเตียนข้าว
ขอถวายพระพร ฯ ต้องติเตียนบุรุษนั้น ผู้เป็นเจ้า ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือ พระพุทธเจ้าได้ทรงจัดข้าว อันได้แก่กายคตาสติ อันมีรสอร่อยยิ่ง อันเป็นของเยี่ยม เป็นของประเสริฐ เป็นของสงบเป็นของเยือกเย็น เป็นของประณีต เป็นของอันไม่รู้จักตาย ไว้ในผอบคือ พระพุทธศาสนาแล้ว พวกใดมีความหิว คือ กิเลสครอบงำ มีใจเร่าร้อนด้วยตัณหา บริโภคข้าวอันนี้แล้ว ก็กำจัดตัณหาทั้งปวง ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ เสียได้ ฯ ส่วนผู้ที่ไม่กินข้าวนี้ กลับไปทั้งความหิวด้วยตัณหา ก็จะมีแต่ผู้ติเตียนเขา ไม่มีผู้ติเตียนพระพุทธศาสนา
ขอถวายพระพร ถ้าพระพุทธเจ้าให้คฤหัสถ์ ผู้ได้สำเร็จผลอย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อนแล้ว จึงโปรดให้บรรพชา การบรรพชานี้ จะชื่อว่าเป็นไปเพื่อละกิเลส เพื่ออบรมความบริสุทธิ์ได้อย่างไร สิ่งที่ควรทำในบรรพชาก็ไม่มี ฯ
สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่งได้ลงทุนให้คนขุดสระไว้
แล้วประกาศว่า พวกที่มีร่างกายเศร้าหมอง อย่าลงมาอาบน้ำที่สระนี้เป็นอันขาด ให้ลงอาบได้แต่ผู้มีกายไม่เศร้าหมองเท่านั้น อย่างนี้จะสมควรหรือ ?
ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาได้สร้างสระน้ำไว้ก็เพื่อต้องการให้คนที่มีร่างกายเศร้าหมองได้อาบ นอกจากนั้น ก็ไม่มีอะไร ?
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร ถ้าพระพุทธเจ้าจะทรงโปรดให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ ผู้ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว สิ่งที่เขาควรทำในการบรรพชา เขาก็ได้ทำแล้ว เขาจะต้องการอะไรกับ
บรรพชา
ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีหมอยาวิเศษคนหนึ่ง ทำยาไว้แล้วเขาประกาศว่า ผู้ที่เจ็บไข้อย่ามาหาข้าพเจ้า ให้มาแต่ผู้ไม่เจ็บไข้เท่านั้น อย่างนี้หรือจะสมควร ฯ
ไม่ใช่อย่างนั้นพระผู้เป็นเจ้า เพราะยาของเขาเป็นของสำหรับรักษาโรค คนไม่มีโรคก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องรักษา ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร คือ ถ้าพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ที่ได้มรรคผลแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องบรรพชา เพราะสิ่งที่ควรทำในบรรพชาเขาก็ได้ทำแล้ว
ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับบุรุษคนใดคนหนึ่งจัดอาหารไว้หลายร้อยถาด แล้วเขาประกาศว่า พวกที่หิวอย่าเข้ามาจงให้เข้ามาแต่พวกที่อิ่มแล้ว เขาประกาศอย่างนี้ จะสมควรหรือไม่ ?
ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร
อีกอย่างหนึ่ง พวกที่สึกไป ย่อมแสดงให้คนอื่นเห็นซึ่งคุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการ ของพระพุทธศาสนา ฯ คุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการนั้น คือ อะไรบ้าง ? คือ ความเป็นภูมิใหญ่ ๑ ความเป็นของบริสุทธิ์ ๑ ความไม่อยู่กับผู้ลามก ๑ ความรู้แจ้งแทงตลอดได้ยาก ๑ ความมีการสำรวมมาก ๑ ฯ
ข้อที่ว่า แสดงความเป็นภูมิใหญ่นั้น คืออย่างไร ?
สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่ง เป็นคนมีนิสัยต่ำช้า ไม่มีคุณวิเศษอันใด ไม่มีความรู้อันใด เมื่อได้ราชสมบัติอันใหญ่หลวง ไม่ช้าก็ถึงความวิบัติ ไม่อาจรักษาความเป็นใหญ่นั้นไว้ได้ เพราะความเป็นใหญ่นั้น เป็นของใหญ่ฉันใด พวกที่ไม่มีคุณวิเศษ ไม่ได้กระทำบุญไว้ ไม่มีความรู้อันใด เวลาได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่อาจดำรงเพศบรรพชาไว้ได้ ได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนาในไม่ช้า เพราะภูมิในพระพุทธศาสนา เป็นของใหญ่ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์อย่างเยี่ยมนั้น คือ อย่างไร ?
คือ น้ำที่ตกลงบนใบบัว ย่อมกลิ้งไหลลงไปจากใบบัว ไม่ติดค้างอยู่บนใบบัวได้ เพราะใบบัวนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ฉันใด พวกที่มีนิสัย
โอ้อวดคดโกง มีความเห็นไม่ดี ได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นของบริสุทธิ์ ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงให้เห็นความไม่ร่วมกันกับผู้ลามกนั้น คืออย่างไร ?
คือ ธรรมดามหาสมุทร ย่อมไม่อาจอยู่ร่วมกับซากศพ ย่อมพัดซากศพขึ้นไปบนบกโดยเร็วพลัน เพราะมหาสมุทรเป็นที่อาศัยอยู่ของหมู่สัตว์ใหญ่ ๆ ฉันใด พวกที่ลามกได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นที่อยู่ของผู้มีคุณธรรมใหญ่ คือ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงซึ่งความเป็นของรู้แจ้งได้ยากนั้น คือ อย่างไร ?
คือ พวกที่ไม่เก่งในวิชาธนู ย่อมไม่อาจยิงให้ถูกปลายขนทรายได้ ฉันใดพวกที่ไม่มีปัญญา บ้าเซ่อ ลุ่มหลง ก็ไม่อาจแทงตลอดซึ่งสัจธรรมทั้ง ๔ อันเป็นของละเอียดยิ่ง ฉันนั้น เขาจึงได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา โดยเร็วพลัน
ข้อว่า แสดงให้เห็นซึ่งความเป็นของมีการสำรวมมากนั้น คือ
อย่างไร ?
คือ บุรุษที่เข้าสู่ยุทธภูมิใหญ่ ได้เห็นข้าศึกล้อมรอบก็กลัวแล้ววิ่งหนี เพราะกลัวการระวังรักษา ซึ่งสาตราวุธมีอยู่มาก ฉันใด พวกที่มีนิสัยลามก ไม่ชอบสำรวม ไม่มีความละอายบาป ไม่มีความอดทน ก็ไม่อาจรักษาสิกขาบทเป็นอันมากไว้ได้ ต้องตกออกไปจากพระพุทธศาสนาในไม่ช้า ฉันนั้น
ขอถวายพระพร ดอกไม้ที่มีหนอนเจาะ ย่อมมีในกอดอกมะลิ
อันนับว่าสูงสุดกว่าดอกไม้ที่เกิดอยู่บนบกทั้งสิ้น ดอกที่หนอนเจาะก็ตกร่วงลงไป ส่วนดอกที่ยังอยู่ก็ส่งกลิ่นหอม ฉันใด พวกที่บวชในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไป ก็เปรียบเหมือนดอกมะลิที่ถูกหนอนเจาะ
แล้วตกร่วงไป ฉันนั้น
ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็ทำให้มนุษยโลก เทวโลกได้รับกลิ่นหอม คือ กลิ่นศีลอันประเสริฐ ฉันนั้น ฯ ข้าวสาลีอันชื่อว่า กุรุมพกะ อันมีในจำพวกข้าวสาลีแดง ที่ไม่มีอันตราย แต่พอเกิดขึ้นแล้วก็เสียไปในระหว่าง ส่วนข้าวสาลีที่ยังอยู่ ก็สมควรเป็นเครื่องเสวยสำหรับพระราชา ฉันใด
พวกที่บรรพชาแล้วสึกไปก็เหมือนกับข้าวสาลีที่เสียไปในระหว่างฉันนั้น ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็สมควรแก่ ความเป็นพระอรหันต์ฉันนั้น ฯ
อีกอย่างหนึ่ง แก้วมณีอันให้สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง ถึงบางแห่งจะมีตำหนิก็ไม่มีผู้ติ ส่วนที่บริสุทธิ์ก็เป็นที่ชื่นชมยินดีของมหาชนทั้งปวง ฉันใด พวกที่บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไป เท่ากับเป็นตำหนิ หรือเป็นสะเก็ด ส่วนพวกที่ยังอยู่ ย่อมทำให้เกิดความร่าเริงยินดีแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลายฉันนั้น ฯ
อีกอย่างหนึ่ง แก่นจันทน์แดง ถึงจะเน่าเป็นบางแห่ง ก็ไม่มีผู้ติ เพราะที่ไม่เน่าไม่เสีย ย่อมมีกลิ่นหอม ฉันใด พวกที่สึกไปก็เหมือนกับแก่นจันทน์แดงที่เน่าที่เสีย ส่วนพวกที่ยังอยู่ ก็ส่งกลิ่นหอมอันประเสริฐ คือ ศีล ให้หอมทั่วเทวโลก มนุษยโลก ฉันนั้นขอถวายพระพร ฯ
สาธุ พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงความเป็นของประเสริฐสุด แห่งพระพุทธศาสนาไว้ถูกต้องดีแล้วทุกประการ.
จากหนังสือ มิลินทปัญหา สัตตมวรรค หีนายาวัตตนปัญหาที่ ๑ >> ถามเรื่องพระสึก, ภาพประกอบ Google
![]() |
sookjai |
ข้าแต่พระนาคเสน ศาสนาของพระตถาคตเจ้านี้ เป็นของใหญ่ เป็นแก่น เป็นของที่เลือกแล้ว เป็นของดีที่สุด เป็นของประเสริฐ ไม่มีอะไรเปรียบ เป็นของบริสุทธิ์ เป็นของไม่มีมลทิน เป็นของขาว เป็นของไม่มีโทษ "จึงไม่สมควรให้คฤหัสถ์บรรพชา ต่อเมื่อคฤหัสถ์นั้น ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่อาจสึกมาได้ จึงควรให้บรรพชา ฯ "
เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ปุถุชนบรรพชาในพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์แล้ว สึกออกมา ก็เป็นเหตุให้มีผู้คิดว่า ศาสนาของพระสมณโคดม เป็นศาสนาเปล่า เพราะพวกที่บวชแล้วสึกมาได้
โยมเห็นอย่างนี้ จึงว่าไม่สมควรให้คฤหัสถ์ปุถุชนบรรพชา
![]() |
pantip |
ขอถวายพระพร มีสระใหญ่ เต็มเปี่ยมด้วยน้ำเย็นใส สะอาดอยู่สระหนึ่ง เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งที่เปื้อนด้วยเหงื่อไคล ลงไปอาบน้ำในสระนั้นแล้วไม่ได้ขัดสีเหงื่อไคล หรือสิ่งที่เศร้าหมอง ได้ขึ้นมาจากสระ จะมีคนติเตียนบุรุษนั้น หรือติเตียนสระนั้นอย่างไร ?
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า จะมีแต่คนติเตียนบุรุษนั้นว่า ลงไปอาบน้ำในสระ
แล้วก็กลับขึ้นมาทั้งร่างกายยังสกปรกอยู่ ไม่มีใครจะติเตียนสระนั้น
ว่าไม่ทำให้บุรุษนั้นสะอาด ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาราชา คือ พระตถาคตเจ้าได้ทรงสร้างสระอันประเสริฐ คือ พระสัทธรรมอันเต็มด้วยน้ำใส อันสะอาด คือ วิมุตติอันประเสริฐไว้อีก พวกที่เศร้าหมองด้วยกิเลส ก็คิดว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายลงสรงในสระ คือพระสัทธรรมนี้แล้ว ก็ล้างกิเลสทั้งปวงได้ แต่ถ้าผู้ใด ลงอาบน้ำในสระ
คือ พระธรรมอันประเสริฐ แล้วหวนกลับไปทั้งกิเลส ก็จะมีผู้
ติเตียนเขาได้ว่า ได้บรรพชาในศาสนาอันประเสริฐแล้ว ก็ยังทำที่พึ่ง
ให้แก่ตนไม่ได้ ยังสึกไป พระศาสนาอันประเสริฐจะทำผู้ไม่ปฏิบัติตาม
ให้บริสุทธิ์เองได้อย่างใด จะโทษพระศาสนาได้อย่างไร ดังนี้
อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่ง เป็นพยาธิ์ร้ายแรงได้เห็นหมอตัดผ่าที่เคยรักษาคนหายมามากแล้ว เป็นผู้รอบรู้ในเรื่องความเกิดแห่งโรค แต่ไม่ให้หมอนั้นรักษา ได้กลับไปทั้งพยาธิ์ มหาชนจะติเตียนบุรุษผู้เป็นพยาธิ์หรือติเตียนหมอ ฯ
ติเตียนบุรุษผู้เป็นพระพยาธิ์ไม่มีใครจะติเตียนหมอเป็นแน่ พระผู้เป็นเจ้า ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร คือ พระตถาคตเจ้าได้ทรงจัดยาอมฤต อันสามารถระงับพยาธิ์ คือ กิเลสทั้งสิ้นไว้ในผอบ อันได้แก่พระพุทธศาสนาไว้แล้วพวกที่รู้ตัวว่า ถูกพยาธิ์คือกิเลสบีบคั้น ก็ได้ดื่มยาอมฤตของพระพุทธเจ้า แล้วก็หายพยาธิ์ คือ กิเลสทั้งสิ้น
ส่วนผู้ที่ไม่ดื่มยาอมฤต ได้กลับสึกไปทั้งกิเลส ก็จะได้รับคำติเตียนว่า ได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้วแต่ทำที่พึงให้แก่ตัวไม่ได้ ได้หมุนเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลวอีกพระพุทธศาสนาจักทำผู้ไม่ปฏิบัติตามให้บริสุทธิ์เองได้อย่างไร โทษอะไรจะมีแก่พระพุทธศาสนา
อีกอย่างหนึ่ง บุรุษที่หิวข้าวไปถึงที่เขาเลี้ยงข้าวแล้ว ไม่กินข้าว ได้กลับไปทั้งความหิว คนจะติเตียนบุรุษที่หิวนั้นหรือว่าจะติเตียนข้าว
![]() |
พลังจิต |
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือ พระพุทธเจ้าได้ทรงจัดข้าว อันได้แก่กายคตาสติ อันมีรสอร่อยยิ่ง อันเป็นของเยี่ยม เป็นของประเสริฐ เป็นของสงบเป็นของเยือกเย็น เป็นของประณีต เป็นของอันไม่รู้จักตาย ไว้ในผอบคือ พระพุทธศาสนาแล้ว พวกใดมีความหิว คือ กิเลสครอบงำ มีใจเร่าร้อนด้วยตัณหา บริโภคข้าวอันนี้แล้ว ก็กำจัดตัณหาทั้งปวง ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ เสียได้ ฯ ส่วนผู้ที่ไม่กินข้าวนี้ กลับไปทั้งความหิวด้วยตัณหา ก็จะมีแต่ผู้ติเตียนเขา ไม่มีผู้ติเตียนพระพุทธศาสนา
ขอถวายพระพร ถ้าพระพุทธเจ้าให้คฤหัสถ์ ผู้ได้สำเร็จผลอย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อนแล้ว จึงโปรดให้บรรพชา การบรรพชานี้ จะชื่อว่าเป็นไปเพื่อละกิเลส เพื่ออบรมความบริสุทธิ์ได้อย่างไร สิ่งที่ควรทำในบรรพชาก็ไม่มี ฯ
สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่งได้ลงทุนให้คนขุดสระไว้
แล้วประกาศว่า พวกที่มีร่างกายเศร้าหมอง อย่าลงมาอาบน้ำที่สระนี้เป็นอันขาด ให้ลงอาบได้แต่ผู้มีกายไม่เศร้าหมองเท่านั้น อย่างนี้จะสมควรหรือ ?
ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาได้สร้างสระน้ำไว้ก็เพื่อต้องการให้คนที่มีร่างกายเศร้าหมองได้อาบ นอกจากนั้น ก็ไม่มีอะไร ?
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร ถ้าพระพุทธเจ้าจะทรงโปรดให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ ผู้ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว สิ่งที่เขาควรทำในการบรรพชา เขาก็ได้ทำแล้ว เขาจะต้องการอะไรกับ
บรรพชา
ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีหมอยาวิเศษคนหนึ่ง ทำยาไว้แล้วเขาประกาศว่า ผู้ที่เจ็บไข้อย่ามาหาข้าพเจ้า ให้มาแต่ผู้ไม่เจ็บไข้เท่านั้น อย่างนี้หรือจะสมควร ฯ
ไม่ใช่อย่างนั้นพระผู้เป็นเจ้า เพราะยาของเขาเป็นของสำหรับรักษาโรค คนไม่มีโรคก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องรักษา ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละมหาบพิตร คือ ถ้าพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ที่ได้มรรคผลแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องบรรพชา เพราะสิ่งที่ควรทำในบรรพชาเขาก็ได้ทำแล้ว
ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับบุรุษคนใดคนหนึ่งจัดอาหารไว้หลายร้อยถาด แล้วเขาประกาศว่า พวกที่หิวอย่าเข้ามาจงให้เข้ามาแต่พวกที่อิ่มแล้ว เขาประกาศอย่างนี้ จะสมควรหรือไม่ ?
ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า ฯ
ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร
อีกอย่างหนึ่ง พวกที่สึกไป ย่อมแสดงให้คนอื่นเห็นซึ่งคุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการ ของพระพุทธศาสนา ฯ คุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการนั้น คือ อะไรบ้าง ? คือ ความเป็นภูมิใหญ่ ๑ ความเป็นของบริสุทธิ์ ๑ ความไม่อยู่กับผู้ลามก ๑ ความรู้แจ้งแทงตลอดได้ยาก ๑ ความมีการสำรวมมาก ๑ ฯ
![]() |
ลานธรรม |
สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่ง เป็นคนมีนิสัยต่ำช้า ไม่มีคุณวิเศษอันใด ไม่มีความรู้อันใด เมื่อได้ราชสมบัติอันใหญ่หลวง ไม่ช้าก็ถึงความวิบัติ ไม่อาจรักษาความเป็นใหญ่นั้นไว้ได้ เพราะความเป็นใหญ่นั้น เป็นของใหญ่ฉันใด พวกที่ไม่มีคุณวิเศษ ไม่ได้กระทำบุญไว้ ไม่มีความรู้อันใด เวลาได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่อาจดำรงเพศบรรพชาไว้ได้ ได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนาในไม่ช้า เพราะภูมิในพระพุทธศาสนา เป็นของใหญ่ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์อย่างเยี่ยมนั้น คือ อย่างไร ?
คือ น้ำที่ตกลงบนใบบัว ย่อมกลิ้งไหลลงไปจากใบบัว ไม่ติดค้างอยู่บนใบบัวได้ เพราะใบบัวนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ฉันใด พวกที่มีนิสัย
โอ้อวดคดโกง มีความเห็นไม่ดี ได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นของบริสุทธิ์ ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงให้เห็นความไม่ร่วมกันกับผู้ลามกนั้น คืออย่างไร ?
คือ ธรรมดามหาสมุทร ย่อมไม่อาจอยู่ร่วมกับซากศพ ย่อมพัดซากศพขึ้นไปบนบกโดยเร็วพลัน เพราะมหาสมุทรเป็นที่อาศัยอยู่ของหมู่สัตว์ใหญ่ ๆ ฉันใด พวกที่ลามกได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นที่อยู่ของผู้มีคุณธรรมใหญ่ คือ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ฉันนั้น
ข้อว่า แสดงซึ่งความเป็นของรู้แจ้งได้ยากนั้น คือ อย่างไร ?
คือ พวกที่ไม่เก่งในวิชาธนู ย่อมไม่อาจยิงให้ถูกปลายขนทรายได้ ฉันใดพวกที่ไม่มีปัญญา บ้าเซ่อ ลุ่มหลง ก็ไม่อาจแทงตลอดซึ่งสัจธรรมทั้ง ๔ อันเป็นของละเอียดยิ่ง ฉันนั้น เขาจึงได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา โดยเร็วพลัน
ข้อว่า แสดงให้เห็นซึ่งความเป็นของมีการสำรวมมากนั้น คือ
อย่างไร ?
คือ บุรุษที่เข้าสู่ยุทธภูมิใหญ่ ได้เห็นข้าศึกล้อมรอบก็กลัวแล้ววิ่งหนี เพราะกลัวการระวังรักษา ซึ่งสาตราวุธมีอยู่มาก ฉันใด พวกที่มีนิสัยลามก ไม่ชอบสำรวม ไม่มีความละอายบาป ไม่มีความอดทน ก็ไม่อาจรักษาสิกขาบทเป็นอันมากไว้ได้ ต้องตกออกไปจากพระพุทธศาสนาในไม่ช้า ฉันนั้น
ขอถวายพระพร ดอกไม้ที่มีหนอนเจาะ ย่อมมีในกอดอกมะลิ
อันนับว่าสูงสุดกว่าดอกไม้ที่เกิดอยู่บนบกทั้งสิ้น ดอกที่หนอนเจาะก็ตกร่วงลงไป ส่วนดอกที่ยังอยู่ก็ส่งกลิ่นหอม ฉันใด พวกที่บวชในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไป ก็เปรียบเหมือนดอกมะลิที่ถูกหนอนเจาะ
แล้วตกร่วงไป ฉันนั้น
ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็ทำให้มนุษยโลก เทวโลกได้รับกลิ่นหอม คือ กลิ่นศีลอันประเสริฐ ฉันนั้น ฯ ข้าวสาลีอันชื่อว่า กุรุมพกะ อันมีในจำพวกข้าวสาลีแดง ที่ไม่มีอันตราย แต่พอเกิดขึ้นแล้วก็เสียไปในระหว่าง ส่วนข้าวสาลีที่ยังอยู่ ก็สมควรเป็นเครื่องเสวยสำหรับพระราชา ฉันใด
พวกที่บรรพชาแล้วสึกไปก็เหมือนกับข้าวสาลีที่เสียไปในระหว่างฉันนั้น ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็สมควรแก่ ความเป็นพระอรหันต์ฉันนั้น ฯ
อีกอย่างหนึ่ง แก้วมณีอันให้สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง ถึงบางแห่งจะมีตำหนิก็ไม่มีผู้ติ ส่วนที่บริสุทธิ์ก็เป็นที่ชื่นชมยินดีของมหาชนทั้งปวง ฉันใด พวกที่บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไป เท่ากับเป็นตำหนิ หรือเป็นสะเก็ด ส่วนพวกที่ยังอยู่ ย่อมทำให้เกิดความร่าเริงยินดีแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลายฉันนั้น ฯ
อีกอย่างหนึ่ง แก่นจันทน์แดง ถึงจะเน่าเป็นบางแห่ง ก็ไม่มีผู้ติ เพราะที่ไม่เน่าไม่เสีย ย่อมมีกลิ่นหอม ฉันใด พวกที่สึกไปก็เหมือนกับแก่นจันทน์แดงที่เน่าที่เสีย ส่วนพวกที่ยังอยู่ ก็ส่งกลิ่นหอมอันประเสริฐ คือ ศีล ให้หอมทั่วเทวโลก มนุษยโลก ฉันนั้นขอถวายพระพร ฯ
สาธุ พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงความเป็นของประเสริฐสุด แห่งพระพุทธศาสนาไว้ถูกต้องดีแล้วทุกประการ.
จากหนังสือ มิลินทปัญหา สัตตมวรรค หีนายาวัตตนปัญหาที่ ๑ >> ถามเรื่องพระสึก, ภาพประกอบ Google
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น