ทุกสรรพสัตว์ในโลกนี้ จะยากดีมีจนอย่างไร ล้วนหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นธรรมดาของโลก!!
เรื่องราวที่จะนำมาเสอนวันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่กำลังจะละจากโลก เพราะกรรมที่เคยกระทำไว้ นิมิตได้มาปรากฎหลายอย่าง ทั้งนิมิตฝ่ายนรก และนิมิตข้างสวรรคเทวโลก...
krasnapani |
ส่วนบิดาของพระคุณเจ้านั้น มีอาชีพเป็นพรานป่า
มักออกล่าสัตว์พร้อมฝูงสุนัขอยู่เสมอ แม้พระโสณะ จะห้ามปราม แต่พรานเฒ่า ก็ไม่เคยเชื่อฟัง ยังแอบเข้าป่าไปล่าเนื้อมิได้ขาด
แต่เมื่อชราภาพลง เข้าป่าไม่ไหว พระโสณะมีจิตกรุณาแก่บิดา จึงบอกว่า..
"บิดาเป็นผู้ชราแล้ว ความตายจะมาเยือนในไม่ช้านี้.. ฉะนั้นท่านจงบวช และตั้งหน้ารักษาศีล เสียเถิด!
ตาเฒ่าไม่มีศรัทธา
จึงอ้างโน่นอ้างนี่บ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงมากมาย !!
พระเถระเฝ้าชี้แจงอ้อนวอน ในที่สุด พรานบิดาก็ยอมบวชเพียงเป็นสามเณร เพื่อรักษาน้ำใจพระเถระ และพระเถระก็สอนให้รักษาสิกขาบทสิบไม่ให้ขาด
พอสามเณรแก่บวชได้วันเดียว
ก็เกิดอาพาธหนักใกล้ตายเต็มที นอนป่วยอยู่บนเตียง ลุกขึ้นไม่ได้
tsemrinpoche |
พระเถระจึงถามว่า ท่านเห็นสิ่งใดฤา ? สามเณรเฒ่าจึงเล่าให้ฟังดังที่เห็น...
พระโสณเถระจึงปริวิตกว่า
"บิดาเรา ชะรอยจะไปเกิดในนรกเป็นแน่ จึงปรากฏนิมิตเช่นนี้ หากบิดายังมีบุญอยู่บ้าง เราจะช่วยบิดา"
ท่านได้สั่งสามเณรศิษย์
ให้ไปเก็บบุปผาชาติต่าง ๆ มาเป็นดอกไม้สักการะบูชา ณ ลานพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ แล้วจึงให้ช่วยหามเตียงของสามเณรแก่
ไปยังลานพระเจดีย์
พอเณรเฒ่าได้สติลืมตาขึ้น พระเถระจึงชี้ให้ดูดอกไม้นานาพันธุ์
แล้วสอนให้ "บิดาจงยังจิตให้เลื่อมใส ดอกไม้เหล่านี้เขาหามาเพื่อให้บิดาได้กระทำสักการะพระเจดีย์”
อย่างนี้พอใจหรือไม่
? ครั้นเห็นบิดาผู้ใกล้จะตายพยักหน้ารับแล้ว
ท่านจึงสอนให้บิดาทำใจให้ดี แล้วกล่าวบูชาในใจตามท่าน
สามเณรแก่ว่าตามอยู่ในใจ เกิดเลื่อมใสชุ่มชื่นจิต
พอบูชาเสร็จก็หลับตาลง นิมิตฝ่ายสวรรคเทวโลกพลันเกิดขึ้น ให้สามเณรแก่เห็นเป็นทิพยวิมาน
พร้อมทั้งสวนนันทวันและสวนผรุสกวันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พอภาพนั้นเลือนไป ก็ปรากฏเป็นเทพอัปสรกัญญามาแวดล้อมอยู่โดยรอบ ตาแก่ชอบใจจึงมีแรงเอ่ยขับไล่พระเถระให้ถอยออกไปหน่อย พระเถระจึงถามว่า "ท่านเห็นสิ่งใด??"
สามเณรเฒ่าเล่าตอบว่า "นางเทพอัปสรมาแวดล้อมต้อนรับเรา ท่านจงหลีกเขาหน่อยเถิด อย่าให้เขาต้องเข้าใกล้ตัวท่านผู้เป็นสมณะ"
พระโสณเถระรู้ว่านิมิตฝ่ายสวรรค์ปรากฏเช่นนี้
บิดาตนจักต้องไปเกิดในสรวงสวรรค์แน่นอน พระเถระคิดฉะนี้แล้ว ก็ถอนใจมองดูบิดาหลับตาตายอย่างเป็นสุข
วาระจิตของคนเรานั้นเร็วพลันนักหนา
แม้แต่แมลงวันตัวหนึ่งบังเอิญบินมาเกาะอยู่ที่ด้ามสิ่ว ที่คนงานเงื้อฆ้อนขึ้นแล้วตอกลงที่ด้ามสิ่วนั้นถูกแมลงวันบี้แบบตายทันที
! อย่างนี้ก็คงมี กรรม กรรมนิมิต หรือคตินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏเป็นอารมณ์ขึ้นก่อนแล้ว
แมลงวันนั้นจึงจะทำกาลกิริยาตายไป
ดังนั้น เราท่านทั้งหลายก่อนที่วาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง คือในขณะที่กำลังย่างเข้าสู่แดนมฤตยูย่อมจะเห็นอารมณ์ ทั้ง ๓ อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน เมื่อต้องเห็นแน่แล้วก็ขอให้เห็นแต่อารมณ์ที่เป็นฝ่ายกุศลเถิด อย่าเกิดให้เห็นอารมณ์ฝ่ายอกุศลเลย
แต่เพราะจิตของเรานี้มีสภาวะเป็นอนัตตาหาตัวตนมิได้ ใครจะสั่งอย่างใดย่อมไม่ฟังทั้งสิ้น ถวิลหวังสิ่งใด ย่อมจะเป็นไปตามใจชอบ และพึงรู้ว่า การปรากฏขึ้นของนิมิตย่อมเปลี่ยนไปได้อย่างนี้.
ดังนั้นทุกคนต้องมีหลักประกันให้กับชีวิต นั่นคือ การรักษาศีล เพราะศีลเป็นหลักเบื้องต้น และเป็นพื้นฐานของความดีงาม จะทำให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ได้อย่างเป็นสุข
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือกรรมทีปนี (โดยพระพรหมเมธี) เล่มที่ 11 หน้าที่ 19 - 23
รูปภาพจาก krasnapani , tsemrinpoche , เพจการบ้าน และภาพดีๆ 072
รูปภาพจาก krasnapani , tsemrinpoche , เพจการบ้าน และภาพดีๆ 072
สาธุ ขอกราบอนุโมทนาบุญ
ตอบลบ
ตอบลบสาธุๆ สาธุครับ
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบสาธุๆๆค่ะ
ตอบลบควมตายไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
ตอบลบ