ให้อุตส่าห์ทำบุญทำทาน ขึ้นชื่อว่าของสงฆ์ของวัดแล้ว อย่าประมาท!!

   คนมีวาสนาแต่ชะตาเสีย ต้องมาเกิดเป็นเปรต โดยมากเป็นเพราะบาปจากความโลภ อยากได้จนลืมตัวไม่กลัวบาป เหมือนกับเปรตในป่าลึก ดังเรื่องเล่าในพระศาสนา ดังนี้

วัดคีรีไพรสณฑ์
   ยังมี พระภิกษุ จำพรรษาอยู่ใน โลหนชนบท ลังกาทวีป หลายรูปด้วยกัน ครั้นออกพรรษา พระคุณเจ้าเหล่านั้นมีความประสงค์จะไปไหว้พระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ จึงชวนกันออกจากวัด เดินลัดรอนแรมมาด้วยศรัทธาเลื่อมใส
  
      เมื่อเดินทางมาได้หลายวัน ถึงป่าใหญ่เต็มไปด้วยแมกไม้ สิงห์สาราสัตว์ และปราศจากผู้คน ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าป่าลึกเข้าไปทุกที เมื่อเหน็ดเหนื่อย จึงพากันนั่งพักบนแผ่นหินใหญ่ ทั้งหมดหลายสิบรูปด้วยกัน
  
      พอหายเหนื่อย พระเถระซึ่งเป็นหัวหน้าในการเดินทาง นึกแปลกใจว่า เหตุใด แผ่นหินใหญ่จึงมีกลางดินในกลางป่า จึงลุกเดินตรวจไปมา  ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะมีภูเขาอยู่ใกล้ๆ เลย 
pxhere.com
ครั้นเล็งดูด้วยทิพยจักษุ ก็รู้ว่า แผ่นหินใหญ่ที่ท่านนั่งพร้อมกับพระหลายสิบรูปนั้น ไม่ใช่แผ่นหิน ที่แท้เป็นสัตว์เปรตตนหนึ่ง พระเถระจึงถามว่า  "เปรต! ท่านทำกรรมอะไรไว้ในชาติก่อน จึงต้องมารับกรรมอันน่าสังเวชเช่นนี้ 
  
      เปรต ตอบพระเถระด้วยความเศร้าว่า...
  
         "เมื่อก่อนครั้งตนเป็นมนุษย์ มีความประมาทได้ประพฤติย่ำยีทำลายที่นา ซึ่งผู้มีศรัทธาได้อุทิศถวายแก่วัดแห่งหนึ่งให้ฉิบหาย โดยว่า กรรมชั่วเพียงเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่เมื่อตายลงก็ได้มาเกิดเป็นเปรตอย่างที่เห็นอยู่นี่แหละ ต้องอดข้าวอดน้ำมีร่างเป็นหินนอนอยู่กับดิน มาหลายหมื่นปี..
  
   เปรตผู้น่าสงสารกล่าวต่อไปอีกว่า..
  
          "ขอพระคุณเจ้า จงได้โปรดเมตตาบอกแก่มนุษย์ทั้งหลายว่า อย่าเอาเยี่ยงอย่างตน จงอย่าประมาทในบาป ให้อุตส่าห์ทำบุญทำทาน ขึ้นชื่อว่าของสงฆ์ของวัดแล้ว อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด เพราะจะเป็นทางนำไปสู่นรกและต้องมาเสวยผลกรรมเช่นเดียวกับตน ที่กำลังได้รับอยู่นี้ จะหมดเวรกรรมเมื่อไหร่ ก็ยังไม่ทราบเลย..
   
    พระภิกษุทั้งหลาย ได้ฟังวาจาของเปรตหินในป่าลึกก็ให้รู้สึกสลดใจแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร จึงพากันเดินทางต่อไปตามความตั้งใจเดิม คือพระมหาศรีโพธิ์สถานที่ตรัสรู้ขององค์พระบรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า 

plus.google.com
  ฉะนั้นวิบากแห่งกรรมหรือการให้ผลของบุญบาป จึงเป็นสิ่งที่เกินความสามารถที่ปุถุชนจะคาดคิดได้ ผู้มีปัญญาจึงไม่ควรประมาท เพราะเหตุว่า..
  
  เพียงวันเดียวของผู้มีศีลมีสมาธิยังประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปีของผู้ทุศีล ไร้สมาธิ (มก. 25/18)
  
  ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ โลกทีปนี เล่ม 11 หน้า 82-85
รูปภาพจาก วัดคีรีไพรสณฑ์, pxhere, plus.google

ความคิดเห็น

  1. จงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิดมนุษย์เอ๋ย เพราะคนเราเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้วสิ่งที่นำติดตัวไปได้มีแต่บุญและบาปเท่านั้น จงพึงสังวรเถิดกรรมที่ทำต่อผู้มีศีลแม้นิดน้อยอย่าคิดว่าไม่มีผล จงกระทำต่อผู้มีศีลด้วยความเคารพอ่อนน้อม แล้วเราจะจากโลกนี้ไปอย่างผู้มีชัย ไม่ต้องไปรับผลกรรมเหมือนดังเปรตที่กล่าวมาแล้วข้างต้นน้า

    ตอบลบ
  2. อนุโมทนาบุญฉบับบทความดีๆแบบนี้ด้วยครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น