กาลครั้งหนึ่ง มีบุตรอำมาตย์ผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นคนสุภาพและมีรูปงาม คนทั้งหลายรักใคร่ พอใจเป็นอันมาก ..
.. ต่อมาเขาได้ข่าวว่า มีพระมหาเถระรูปหนึ่งนามว่าพระอภยมหาเถระจะมานมัสการพระมหาเจดีย์ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เป็นที่เลื่องลือกันว่า พระคุณเจ้าองค์นี้ มีรูปร่างสง่างามยิ่งนัก!![]() |
pixabay.com |
ครั้นได้เวลาพระอภยเถรเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นบริวาร ก็ขึ้นสู่ลานพระเจดีย์ ทางประตูด้านทิศทักษิณ
ครั้นนมัสการพระมหาเจดีย์แล้ว จึงนำหน้าพาพระภิกษุสงฆ์เพื่อจะกลับ ก็ได้พบเข้ากับบุตรอำมาตย์พร้อมญาติมิตรกลุ่มใหญ่ พระมหาเถรเจ้าจึงกล่าวออกไปว่า..
"ดูกรประสก! ตัวท่านนี้เป็นแต่เพียงคนขนขยะมูลฝอย ที่พระมหาเถระเฒ่าท่านกวาดไว้ เหตุไฉนจึงบังอาจคิดว่าจะมีรูปเทียบเทียมกับเรา
"ท่านกล่าวขานสิ่งใด ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่เข้าใจเลย ขอพระผู้เป็นเจ้าเฉลยให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด บุตรอำมาตย์ประนมมือกล่าวถามด้วยความสงสัย
"ประสกมาที่นี่เพื่อจะดูเราว่ามีรูปเป็นอย่างไรใช่หรือไม่ พระมหาเถระเจ้าถามขึ้นตรงกับใจพวกเขาทั้งหลาย
เมื่อเขารับว่าเป็นจริง พระผู้เป็นเจ้าก็เล่าเรื่องแต่ปางหลังให้ฟังว่า..
![]() |
pxhere.com |
ฝ่ายบุตรอำมาตย์ก็ได้เกิดเป็นอุบาสกแก่ อยู่ในประเทศถิ่นที่เดียวกัน ณ บ้านการชคาม
ทุกค่ำเช้าทั้งสองผู้เฒ่าคือพระภิกษุแก่และอุบาสกแก่ ผู้มีใจรักความสะอาด ย่อมพากันไปแผ้วกวาดลานพระเจดีย์ด้วยความเลื่อมใส ..
อุบาสกแก่นั้น ถึงความชราภาพมาก กำลังเรี่ยวแรงน้อยหนักหนา จึงได้แต่นั่งคอยท่า รับอาสา เฝ้าอุตสาหะขนขยะ ซึ่งพระเถระแก่ผู้มีกำลังวังชายังดีกว่าตน เป็นคนกวาด ไปทิ้งจนเหนื่อยหอบ
ทั้งสองพยายามปลุกปลอบใจกันแลกัน ให้ทำกองการกุศลส่วนไวยาวัจจมัยเช่นนี้ มิได้เกียจคร้านอ้างตนว่าเป็นคนแก่ ..
![]() |
pxhere.com |
หลวงตาแก่มาเกิดเป็น พระอภยมหาเถระ ผู้มีรูปงาม มีความเพียรปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุคุณวิเศษรู้ระลึกชาติได้ และรู้ใจของผู้อื่นอันเป็นปรจิตตวิชา
ส่วนว่าตาแก่ อุบาสกผู้ขนขยะที่พระชรากวาด ได้มาเกิดเป็น บุตรอำมาตย์ มีรูปงามด้อยกว่า ..
ฉะนั้น พระอภยเถระจึงกล่าวทักแต่ตอนต้นว่า "ตัวท่านนี้ เป็นแต่เพียงคนขนขยะที่พระเถระเฒ่ากวาด เหตุไฉนจึงบังอาจคิดว่าจะมีรูปเทียบเทียมกับเราดังนี้
ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย กรรมดีที่บุคคลกระทำไว้ ย่อมให้ผล ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ตาม
ผู้ที่มีความเชื่อในกรรมและผลวิบากของกรรม พยายามทำแต่บุญกุศลประกอบความดีอยู่เสมอตราบเท่าจนชีวิตหาไม่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์แท้ๆ คือเป็นมนุษย์เต็มคนนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ โลกทีปนี เล่ม 11 หน้า 132-134
รูปภาพจาก pxhere, pixabay
SADHU! The merit produced by listening (reading) to Dhamma teaching make us feel delightful and happy.
ตอบลบอนุโมทนาบุญสำหรับบทความดีๆที่ให้ข้อคิดแบบนี้ด้วยครับ
ตอบลบขอบคุณข้อความดีดี
ตอบลบเป็นประโยชน์ต่อการนำไปปฏิบัติตาม
เพื่อผลอันดีงาม ในอนาคตกาล
🙏🙏🙏กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบอนุโมทนาสาธุเรื่องราวที่ควรค่าแก่การศึกษาค่ะ
ตอบลบ
ตอบลบสาธุๆ สาธุครับ