มนาปทายี ลภเต มนาปํ
ผู้ให้ของที่น่าพอใจ ย่อมได้ของที่น่าพอใจ
(มนาปทายีสูตร)
“ของหอม” ตรงกันข้ามกับ “ของเหม็น” ของหอมเป็นสุคันธารมณ์ที่ชื่นชอบ พออกพอใจ ชุ่มชื่นใจแก่คนทั่วไป
ความสุนทรีย์ในกลิ่นหอม ช่วยทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย ร่างกายจะก่อเกิดสารแห่งความสุข ไปพร้อมกับความหอมที่จรุงใจ ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ ที่สกัดออกมาเป็นของหอมอันทรงคุณค่า
ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีกุลบุตรท่านหนึ่งเกิดในตระกูลใหญ่ ในใจกลางกรุงพาราณสี ตระกูลนี้อุดมมั่งคั่งไปด้วยทรัพย์ และธัญญาหาร พร้อมสมบัติรัตนชาติมากมาย
ครั้นกุลบุตรนี้เจริญวัยบรรลุนิติภาวะแล้ว เขาก็มีโอกาสไปฟังธรรมจากพระศาสดา ซึ่งกำลังแสดงธรรมแก่มหาชนจำนวนมาก
พระธรรมเทศนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอน มีเนื้อความว่า “บุคคลจะมีโภคทรัพย์มากได้ก็เพราะให้ทาน จะเข้าถึงสุคติได้ก็เพราะรักษาศีล จะดับกิเลสได้ก็เพราะเจริญภาวนา”
มหาชนทั้งหลาย ในธรรมสถานแห่งนั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาอันไพเราะ ทั้งเบื้องต้นท่ามกลางและเบื้องปลายแล้ว ต่างก็เกิดความแช่มชื่นใจ
แม้ตัวเขาเองก็เลื่อมใสในพระพุทธองค์เช่นกัน จึงขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต
อีกทั้งยังตั้งใจมาสั่งสมบุญ โดยการถวายมหาทานมิได้ขาด ถวายของหอม กลิ่นหอมข้ามชาติ
ต่อมา เขามีโอกาสสร้างบุญพิเศษ คือได้นำของหอมธรรมชาติ สกัดจากพืชธรรมชาติที่เรียกว่า จตุชาติคันธะ
หรือ จตุชาติสุคันธะ ๔ อย่าง อันได้แก่ ๑. หญ้าฝรั่น ๒. น้ำมันจากไม้กฤษณา ๓. กำยาน (ยางหอมจากไม้) ๔. ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ
แล้วนำไปทาพื้นพระคันธกุฎีของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประจำทุกเดือน เดือนละ ๗ ครั้ง จากนั้นเขาได้กราบทูลตั้งความปรารถนา กับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ขอให้กลิ่นหอมอย่างดียิ่ง จงบังเกิดแก่กายข้าพระองค์ ในสถานที่ที่ข้าพระองค์ไปเกิดด้วยเถิดพระเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะ ทรงตรัสพยากรณ์ถึงอานิสงส์ที่เขาจะได้รับว่า...
“ด้วยผลกรรมนี้ ไม่ว่าบุคคลผู้นี้จะไปบังเกิดในภพชาติใด ก็จะมีตัวหอมทุกชาติไป จะเป็นผู้เจริญด้วยกลิ่นแห่งคุณธรรม และจะเป็นผู้ไม่มีกิเลสอาสวะในที่สุด”
นอกจากนั้นเขายังได้สั่งสมบุญอื่น ๆ อีกมากมาย ครั้นละจากโลก ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเทพบุตร ที่มีกลิ่นกายหอมฟุ้งจรุงใจไปทั่วชั้นสวรรค์
เมื่อหมดอายุขัย และจุติเคลื่อนจากสวรรค์นั้นแล้ว ชาติสุดท้ายก็ได้บังเกิดในตระกูลมั่งคั่ง ในนครสาวัตถีขณะที่อยู่ในครรภ์ มารดาของเขาก็มีกลิ่นกายหอมทั่วบ้าน
และกลิ่นหอมนี้ยังหอมฟุ้งไปทั่วพระนครสาวัตถีทีเดียว และเมื่อคลอดจากครรภ์แล้ว ทั่วทั้งเมืองนั้นก็หอมฟุ้งอีกดุจดังนำของหอมทุกชนิดมารมให้อบอวลหอมติดไปทั้งเมือง
อีกทั้งขณะที่เขาเกิดนั้นเอง ปรากฏมีฝนดอกไม้มีกลิ่นทิพย์หอมหวนน่ารื่นรมย์ใจ ส่วนเรือนที่เกิดนั้น
เหล่าเทวดาก็ได้นำธูปหอม และดอกไม้หอมพร้อมกับนำเครื่องหอมมาอบ ให้กลิ่นฟุ้งขจรขจาย ด้วยเหตุนั้นเอง มารดาบิดาจึงได้ตั้งชื่อเขาว่า จูฬสุคันธะ
เมื่อเขาเจริญเติบโต อยู่ในช่วงปฐมวัยพระบรมศาสดาของเรา พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ได้เสด็จมายังเมืองสาวัตถี เพื่อทรงรับถวายวัดพระเชตวัน จากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เมื่อจูฬสุคันธะเห็นพระบรมศาสดา และได้พบพุทธานุภาพแล้ว ก็มีใจเลื่อมใส ได้ทูลขอบวชกับพระองค์ จากนั้นก็ไปบำเพ็ญเพียร ไม่นานนักท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ย้อนระลึกถึงบุพกรรมในกาลก่อน แล้วนำอานิสงส์แห่งบุญนั้นมาเล่า ดังต่อไปนี้
๑. บุญนี้ทำให้ได้พบเจอแต่กลิ่นหอมฟุ้งตลบไปในที่ต่าง ๆ เช่น บนที่นอน เพราะว่ามีพวกเทวดามาโปรยผงหอมทิพย์ และดอกไม้หอมทิพย์ นับตั้งแต่วันที่ท่านเกิดจนถึงวันที่ท่านปรินิพพาน
๒. ฝนมีกลิ่นหอมได้ตกลงมาขณะท่านออกบวช ขณะบรรลุเป็นพระอรหันต์ และเมื่อใกล้จะปรินิพพาน
๓. มีกลิ่นกายหอมจนสามารถกลบกลิ่นหอมจากนานาธรรมชาติ ไม่ว่าไม้จันทน์ ดอกจำปา หรือดอกอุบลทำบ้านให้น่าอยู่
สิ่งแรกที่ควรตระหนักในการทำบ้านให้น่าอยู่ น่าอาศัย ก็คือ ต้องขจัดสิ่งปฏิกูลทั้งกลิ่น และคราบออกไปจากบ้าน ทำให้สะอาดเป็นระเบียบ
แล้วจึงนำกลิ่นที่ดีมาลง ให้เกิดความหอมชื่นใจ อุปมาเหมือนคนทั่วไปมักจะอาบน้ำชำระล้างกลิ่นตัว เหงื่อไคล สิ่งสกปรกในร่างกายก่อน ถึงค่อยนำแป้งมาโรยหรือเอาน้ำหอมประพรมตัวต่อไป
แล้วบ้านของเราก็จะกลายเป็นรมณียสถาน เป็นที่สำราญดึงดูดแขก ให้หมั่นมาเยี่ยมเยือนบ่อย ๆ ทำวัดให้น่าเข้า หากชาวพุทธช่วยกันทำวัดให้เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ใจ เหมือนบ้านของตนเองแล้วทุกคนก็อยากจะมาวัดบ่อย ๆ
หน้าที่การทำวัดให้น่าเข้า น่าศรัทธา เป็นหน้าที่สำคัญของชาวพุทธทุกคน มิใช่เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรเพียงอย่างเดียว
ความสะอาดเป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงต้องช่วยกันขจัดสิ่งปฏิกูลสกปรก เช่น กองขยะหรือแหล่งเพาะแมลงวัน มูลสุนัข ต้องขจัดออกไปให้หมด
อีกทั้งโยมไม่ควรเอาสุนัข หรือแมวมาปล่อยทิ้งในวัดให้เป็นภาระของพระ บางวัดถึงขนาดติดป้ายประกาศว่า
“วัดแห่งนี้พอแล้วแมวกับหมาโยมไม่ต้องจัดหามาถวาย สิ่งต้องการคือกรวดหินดิน และทรายอิฐก็ได้ไม้ก็ดีสีก็เอา”
อีกทั้งไม่ควรมีกลิ่นเน่าเหม็นในวัด เพราะถ้ามีแล้วก็จะทำให้วัดไม่น่ารื่นรมย์ใจ พลอยทำให้ผู้คนไม่อยากจะเข้าวัด เพื่อมาสั่งสมบุญอีกด้วย
จากนั้น หากต้องการเสริมบรรยากาศให้รื่นรมย์ยิ่งขึ้น ก็อาจจะหากลิ่นน้ำหอมระเหยสกัดจากธรรมชาติ ที่มีกลิ่นพอดีไม่ฉุนเกินไปมาเสริม
หรืออาจจะไปรับบุญปลูกไม้หอมในวัดบูชาพระด้วยธูปเทียนหอม น้ำมันหอม ดอกไม้หอม เช่น ดอกบัวหรือดอกมะลิ เป็นต้น
นอกจากเราจะได้บุญแล้ว ผู้ที่เข้ามาในบริเวณวัดก็จะรื่นรมย์ใจ ได้สัมผัสสุคันธารมณ์ที่จะทำให้จิตใจอยากสั่งสมบุญกุศล ทั้งทำทานรักษาศีล หรือเจริญสมาธิภาวนาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกด้วย
เมื่อวัดร่มรื่นร่มเย็น เป็นรมณียสถานที่เจริญใจ ก็จะทำให้ผู้คนอยากหลั่งไหลเข้าวัด มาสัมผัสกับความรื่นรมย์ของสิ่งแวดล้อม ที่ชาวพุทธผู้มีศรัทธามั่นคง รังสรรค์ให้เกิดขึ้น และสัมผัสกับธรรมะอยู่เป็นนิจ
นับเป็นการทำวัดให้เป็นวัดรุ่ง..รุ่งเรืองด้วยศรัทธา รุ่งเรืองด้วยศีลธรรม ปิดโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้างอีกต่อไป
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙ /
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
www.dmc.tv
อนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ
ตอบลบขอกราบนมัสการและขอกราบอนุโมทนาบุญเนื้อหาธรรมะอันทรงคุณค่า สาธุ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ