ราชายอดกตัญญู

พระเจ้าพรหมทัตเสด็จยกทัพไปปราบโจรชายแดนแต่ทรงพ่ายแพ้แก่โจร จึงแตกทัพเสด็จหนีกระเซอะกระเซิงไปถึงหมู่บ้านชายแดนตำบลหนึ่ง..

เมื่อทรงม้าผ่านเข้าไปกลางหมู่บ้าน พวกชาวบ้านเห็นเข้า ก็พากันแตกตื่นหนีเข้าบ้านกันอลหม่าน ด้วยเข้าใจว่าเป็นโจรปลอมตัวมา 

แต่มีชายคนหนึ่งกล้าเข้าไปถามว่าเป็นทหารที่มาปราบโจรใช่หรือไม่ พระองค์จึงรับสมอ้างว่าเป็นข้าราชบริพารตามเสด็จมาปราบโจร แต่พ่ายแพ้จึงได้หนีมา 
pixabay

เขาจึงนำพระองค์ไปที่บ้าน เรียกภรรยาและลูกสองคนให้มารู้จักว่าเป็นใครมาจากไหนแล้วให้ภรรยา
หุงหาอาหารมาเลี้ยง 

ส่วนตัวเองไปดูแลม้าทรงหาหญ้าให้กินแล้วผูกไว้ที่หลังบ้าน ตกตอนกลางคืนก็จัดที่นอนให้อย่างดีเพราะเห็นว่าเป็นทหารผู้ใหญ่ โดยไม่ติดใจสงสัยว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัวของตน

พระองค์ทรงพักแรมอยู่ที่บ้านชายคนนั้น ๔ – ๕ วันจนสนิทสนมคบหากันแบบเพื่อน 

ภายหลังแม้ชาวบ้านทั่วไปก็เริ่มไว้ใจและเข้ามาพูดคุยด้วยทำให้รู้จักสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อทรงพักรอดูเหตุการณ์นานพอสมควร ทรงเห็นว่า
ปลอดภัยดีแล้ว จึงได้อำลาครอบครัวนั้น พร้อมกับทรงรับสั่งว่า “เพื่อนเอ๋ย เราขอขอบคุณท่านมากที่ให้ที่พักพิงแก่เรา และดูแลเราอย่างดี 

หากเพื่อนมีธุระอะไรในเมืองขอให้เพื่อนไปหาเราได้ทุกเวลา เพียงถามนายประตูว่าบ้านของนายทหารม้าใหญ่อยู่ที่ไหนเขาก็จะพาไปหาเราเอง เราจะได้มีโอกาสตอบแทนเพื่อนบ้าง”
pixabay

เมื่อเสด็จกลับถึงพระนครได้ทรงนัดแนะนายประตูว่าหากมีชาวบ้านลักษณะเช่นนี้ มาถามหาบ้านนายทหารม้าใหญ่ ก็ให้รีบพาเข้าไปพบพระองค์ได้ทันที  ไม่ต้องรีรอ แล้วเสด็จเข้าพระนคร 

หลังจากนั้นก็ทรงรอว่าเมื่อไรเขาจะมา หลายเดือนเข้าก็ยังไม่มา จึงทรงรับสั่งให้ขึ้นภาษีเฉพาะในตำบลนั้น ด้วยทรงหวังว่าเมื่อชาวบ้านถูกขูดรีดภาษีจะได้ขอร้องให้เขาเข้าเมืองมาเพื่อขอร้องให้ทรงช่วย ก็จะได้พบเขาด้วยอุบายวิธีนี้ 

แต่ทรงรออยู่หลายเดือนก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะมา จึงทรงให้ขึ้นภาษีอีกเท่าตัว เมื่อเป็นดังนี้ชาวบ้านก็ทนไม่ไหวจึงไปขอร้องให้เขาไปพบนายทหารม้าใหญ่ที่เป็นเพื่อนกันให้ช่วยเรื่องนี้ด้วย 

เขาถูกขอร้องบ่อยเข้าก็ตกลง จึงให้ภรรยาเตรียมเสบียงและขนมชนบทเท่าที่จะหาได้ เพื่อเป็นของฝากใส่ชะลอม แล้วออกเดินทางมุ่งสู่เมืองหลวง
pixabay

เมื่อถึงประตูเมืองก็เข้าไปถามนายประตูว่าบ้านของนายทหารม้าใหญ่อยู่ที่ไหน นายประตูพิจารณาดูว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่ตรัสสั่งไว้ จึงพาเขาเข้าไปในพระราชวัง 

ขณะนั้นพระเจ้าพรหมทัต ทรงว่าราชการอยู่ที่ท้องพระโรงพอดี เมื่อทอดพระเนตรเห็นเขาก็ทรงดีพระทัยมาก ถึงกับเสด็จลุกจากพระราชอาสน์มาสวมกอดเขา แล้วพาขึ้นไปนั่งบนพระราชอาสน์ด้วยกัน 

สร้างความตกตะลึงให้แก่เขาเป็นอย่างมาก ทั้งเหล่ามุขอำมาตย์ข้าราชบริพาร ที่เฝ้าแหนอยู่ในขณะนั้น ก็ ให้งุนงงสงสัยยิ่งนัก แต่ไม่มีใครกล้าทูลถาม 

พระองค์ตรัสเรียกหาพระมเหสี และพระโอรสธิดาให้มาทำความรู้จักเขา แล้วทรงรับสั่งให้พาเขาไปตัดผม อาบน้ำ และแต่งตัวเสียใหม่ ให้เขาพักในห้องซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับพระราชอาคันตุกะ 

เมื่อเสด็จเข้าในพระปราสาทแล้วทรงกำชับให้พระมเหสีและพระโอสรธิดาดูแลปรนนิบัติเขาอย่างดีเหมือนอย่างปรนนิบัติพระองค์ 

ซึ่งทุกคนต่างก็สงสัยว่าชายชนบทผู้นี้เป็นใคร มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอยู่หัวอย่างไรจึงทรงให้ความสำคัญแก่เขาเหมือนกับเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นแห่งใดแห่งหนึ่ง

ผ่านไปได้สองวันอำมาตย์ผู้ใหญ่หลายคนพากันเข้าไปเฝ้าพระราชโอรสแล้วเล่าถึงความอึดอัดคับข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทูลว่าเป็นเรื่องน่าอับอายและเสียศักดิ์ศรีแก่บ้านเมืองอย่างยิ่งที่ทรงให้คนบ้านนอกขึ้นไปนั่งร่วมพระราชอาสน์ 

สมควรที่พระราชโอรส จะเข้าไปทูลถามความให้กระจ่างชัด เพื่อให้ทุกคนสบายใจ แม้พระราชโอรสเองก็ทรงอึดอัดไม่น้อย ที่ต้องมาดูแลชายผู้ไม่รู้จักทั้งบอกลักษณะว่าเป็นคนชนบทไม่มีตระกูล 

จึงทรงรับปากพวกอำมาตย์ แล้วเข้าไปเฝ้าพระราชบิดา ถวายบังคมแล้วกราบทูลความสงสัยทั้งปวงให้ทรงทราบ พระเจ้าพรหมทัตทรงสดับแล้วก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

ด้วยทรงดำริไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องมีคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงมีรับสั่งให้เรียกพระมเหสีและพระโอรสธิดาทุกพระองค์เข้ามาในห้อง นั้นแล้วตรัสเล่าว่า..
“ลูกพ่อ จำได้ไหมเมื่อคราวที่พ่อยกทัพไปปราบโจร พ่อพ่ายแพ้แตกทัพหนีตายกันไปคนละทิศละทาง พ่อหนีไปที่หมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง 


pixabay

ชายคนนี้แหละที่ช่วยพ่อ เขาพาพ่อไปหลบอยู่ในบ้านของเขาไม่ให้พวกโจรรู้ เขาดูแลพ่ออย่างดี ให้บุตรภรรยามานวดเท้าให้พ่อ หุงหาอาหารเลี้ยงพ่อ ยกที่นอนของเขาให้พ่อนอนทั้งๆที่เขาไม่รู้จักพ่อเลย 

คนเช่นนี้หาได้ที่ไหนอีก ถ้าพ่อไม่ได้เขาพ่ออาจตายไปแล้ว อาจไม่ได้กลับมาพบหน้าพวกลูกอีกแล้ว ชีวิตของพ่อได้คืนมาเพราะเขาแท้ๆ การที่พ่อต้อนรับเขา ดูแลเขา ให้เกียรติเขาเพียงแค่นี้ยังน้อยไปเสียอีก ลูกอย่าได้คิดอะไรกันมากไปเลย”

ทรงหยุดนิดหนึ่งแล้วตรัสต่อว่า “ลูกพ่อ ผู้ใดให้แก่คนที่ไม่ควรให้ แต่คนที่ควรให้กลับไม่ให้ ผู้นั้นเมื่อมีภัยได้ทุกข์ยากลำเค็ญ ย่อมจะไม่มีใครช่วยเหลือ คนที่ไม่ควรให้ก็คือคนที่ไม่รู้คุณคน คนที่ควรให้คือคนที่รู้คุณคน 

ส่วนผู้ที่ไม่ให้แก่คนที่ไม่ควรให้ ให้เฉพาะแก่คนที่ควรให้ เมื่อตัวเองตกทุกข์ได้ยากขึ้นมาก็ย่อมจะได้รับความช่วยเหลือ

การเกี่ยวข้องสัมพันธ์และการร่วมอยู่ร่วมกินกับคนไม่ดี คนอกตัญญู หรือคนเนรคุณนั้นย่อมสูญเสียไปเปล่า สิ่งที่ทำแก่คนดีแม้จะเพียงเล็กน้อยย่อมไม่สูญเปล่าและย่อมมีผลมาก 

ผู้ใดทำความดีไว้ก่อนแล้ว ชื่อว่าได้ทำสิ่งที่ทำได้ยาก ต่อมาภายหลังผู้นั้นจะได้ทำหรือไม่ได้ทำให้อีกก็ตาม เขาย่อมควรแก่การบูชาควรแก่ของบูชาโดยส่วนเดียว 

ดังนั้นลูกจำกันไว้เถิด เกิดเป็นคนอย่าเป็นคนอกตัญญู พ่อแสดงความกตัญญูต่อเขาเช่นนี้ทุกคนคงเข้าใจพ่อนะ”

พระมเหสีและพระราชโอรสธิดาไม่อาจอดกลั้นน้ำตาไว้ได้ ต่างซาบซึ้งในน้ำพระราชหฤทัยของพระสวามีและพระราชบิดาถึงกับสะอื้นไปตามๆ กัน 

หลังจากนั้น ก็นำเรื่องนี้ไปบอกแก่ พวกอำมาตย์ราชบริพารทั่วหน้า ทุกคนพอทราบเรื่อง ก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญ พระเจ้าอยู่หัวของตน ไม่ขาดปากว่า ทรงเป็นพระราชายอดกตัญญูโดยแท้.

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า อันความกตัญญูนั้นเป็นนิมิตเป็นเครื่องหมายของคนดี คนดีเขามีกัน แต่ย่อมหายากในหมู่คนไม่ดี คนกตัญญูนั้นเขาไม่มองถึงฐานะหรือพื้นเพของผู้มีบุญคุณแก่ตน 
pixabay

จะเป็นใครก็ตาม ถ้ามีคนที่เขาทำให้สิ่งที่ตนทำไม่ได้ หรือเขาให้สิ่งที่ตนเองขาด ย่อมรู้สึกว่าผู้นั้นมีบุญคุณแก่ตน เช่นเจ้าของบ้านที่เป็นคนดีย่อมรู้สึกว่าคนใช้ในบ้านมีบุญคุณแก่ตน หากไม่ได้เขาตัวเองก็จะลำบาก 

เจ้าของบริษัทที่เป็นคนดีก็รู้สึกว่าคนงานในบริษัทมี
บุญคุณแก่ตน ช่วยให้บริษัทของตนเจริญก้าวหน้าและทำให้ตัวเองมีฐานะดีขึ้นมาได้ คนดีคนกตัญญูรู้คุณคนเขาคิดกันอย่างนี้ 

ดังนั้นการให้ความอุปการะช่วยเหลือคนอื่นนั้นจำต้องเลือก ควรให้ ควรทำแก่คนดี คนที่รู้จักคุณคนก่อน

เพราะหากทำคุณแก่คนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน ย่อมจะเสียเปล่า และอาจเสียใจในภายหลังได้ หากไปช่วยเหลือคนอกตัญญู หรือคนเนรคุณเข้า เพราะเขาเหล่านั้นย่อมเลี้ยงไม่เชื่องแน่นอน ดังนิทานเรื่อง "ชาวนากับงูเห่า" หรือนิทานเรื่อง "ม้าอารี" ย่อมเป็นเครื่องเตือนใจในข้อนี้ได้ดีที่สุด.

จากหนังสือ กิร_ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)


ภาพจาก pixabay.com

ความคิดเห็น

  1. ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ และขอกราบอนุโมทนาบุญเรื่องธรรมะดี ๆ ที่ให้ข้คิดเตือนใจอันทรงคุณค่าอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต สาธุ

    ตอบลบ
  2. เป็นข้อคิดข้อธรรมที่เตือนใจได้ดีในทุกยุคสมัย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น