มะม่วงสุก

ที่วัดในชนบทแห่งหนึ่ง มีต้นมะม่วงอยู่หลายต้น พอถึงฤดูกาลจะออกผลดกทุกต้น พระเณรก็ได้เก็บมาฉันกัน 

ที่เหลือก็แจกจ่ายให้เด็ก ให้ชาวบ้านที่มาวัดบ้าง เป็นอยู่อย่างนี้ต่อเนื่องมา

pixabay

มาปีหนึ่งมะม่วงทุกต้นออกลูกดกกว่าเคย บางต้นก็กำลังสุก บางต้นก็สุกงอมและหล่นลงมา คืนหนึ่งเกิดลมพายุพัดจัด ลูกมะม่วงหล่นเกลื่อนลานวัด หลวงพ่อจึงให้เด็กวัดและพระเณรเก็บขึ้นมาไว้ในห้องของกุฏิหลังหนึ่ง ปรากฏว่ามะม่วงถูกวางเรียงไว้ค่อนห้อง

มะม่วงลูกที่สุกหง่อม และลูกที่แตกท่านก็ให้แจกจ่ายชาวบ้านใกล้วัดไป ที่เหลือพระเณรก็ฉันกันทั้งเช้าทั้งเพล

สองวันผ่านไป มะม่วงในห้องเริ่มมีกลิ่นแรง หลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงสั่งเด็กวัดว่าเฮ้ย เอ็งเข้าไปในห้องมะม่วง ลูกไหนที่หง่อมจัดเริ่มจะเน่าแล้วให้คัดมาถวายให้พระเณรฉันก่อน ทิ้งไว้ก็จะเน่าเสียเปล่า ๆเสียดายของ ที่ดี ๆ ค่อยฉันในวันต่อไป”


pixabay

เด็กวัดก็จัดการตามนั้น คัดมะม่วงที่หง่อมใกล้เละบ้าง มีผิวดำไปบางส่วนบ้าง เน่าไปบางส่วนแล้วบ้าง นำมาใส่จานไปถวายหลวงพ่อ และพระเณรได้ฉันทั้งมื้อเช้าและมื้อเพล 

วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อก็สั่งอย่างนั้นอีก เด็กวัดก็ทำตามทำอยู่อย่างนี้ ๔-๕ วัน มะม่วงจึงหมดห้อง

“เฮ้อ หมดเสียที ฉันมะม่วงเน่ามาหลายวันแล้ว” พระหนุ่มรูปหนึ่งบ่นกะพวก แต่ไม่กล้าบ่นต่อหน้าหลวงพ่อ

เป็นอันว่างวดนั้น หลวงพ่อ และพระเณรในวัด ไม่ได้ฉันมะม่วงที่สุกพอดี ซึ่งมีรสชาติอร่อย และหอมหวานตามธรรมชาติ หากแต่ได้ฉัน แต่มะม่วงที่หง่อมจัดซึ่งมีเนื้อเละ หรือไม่ก็มะม่วงที่เน่าครึ่งลูกแล้ว ดูก็น่าสงสารพระเณรเหมือนกัน 


pxhere

แต่พระเณรก็ได้แต่มองหน้ากัน ทำตาปริบ ๆ ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะหลวงพ่อสั่งอย่างนั้นก็ต้องฉันกันอย่างนั้น.

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ความจริงการประหยัดมัธยัสถ์ การกลัวว่าของจะเสีย การเสียดายของ ไม่อยากให้เน่าเสียไปโดยใช่เหตุ เป็นเรื่องที่ดีและควรปฏิบัติ 

แต่การทำอย่างนั้น โดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ หรือไตร่ตรองให้ถ่องแท้ หรือไม่เลือกว่าเป็นของประเภทใด ย่อมทำให้เกิดโทษได้เหมือนกัน 


pixabay

บางครั้งได้ทางหนึ่ง แต่เสียอีกทางหนึ่ง ก็จำเป็นต้องเลือกว่าอย่างไหนจะเสียน้อยกว่ากัน หรือได้ประโยชน์มากกว่ากัน หากได้ประโยชน์ในส่วนนี้มากกว่า แม้อาจต้องเสียอีกส่วนหนึ่งไปบ้าง ก็จำต้องเลือกข้างที่ได้ประโยชน์ โดยยอมเสียบางส่วนไป 

อย่างที่โบราณชอบพูดว่า “เสียกำไว้กอบ” หรืออย่างที่พระท่านสอนไว้ว่า “พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต เมื่อคิดจะผดุงธรรม” 


pixabay

ซึ่งหมายความว่า ธรรมเป็นสิ่งที่มีค่า มีประโยชน์สูงสุด ซึ่งควรรักษาไว้ แม้จะต้องเสียทรัพย์ เสียอวัยวะ หรือเสียชีวิตไปก็ตาม การไม่ยอมเสียส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนน้อย จนเป็นเหตุให้ส่วนใหญ่ พลอยติดร่างแหเสียไปด้วย เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย.

จากหนังสือ กิร_ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพจาก pixabay.com

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น