เศรษฐีคนหนึ่งมีลูก ๓ คน คนโตกับคนเล็กเป็นชาย คนกลางเป็นหญิง ลูกชายคนโตกับลูกสาวเป็นเด็กดี เอาใจใส่ในการเรียน และมีความรับผิดชอบ
ส่วนลูกคนเล็กเนื่องจากถูกพ่อและพี่ ๆ ตามใจมาตั้งแต่เล็กจึงเสียเด็ก ทั้งดื้อด้าน ไม่ฟังคำว่ากล่าวของใคร เอาแต่ใจตัวเอง เรียนไป สนุกเที่ยวเตร่กับเพื่อนไป
เนื่องด้วยเป็นลูกเศรษฐีมีเงินมาก ทำให้มีเพื่อนฝูงมาก เพื่อนแต่ละคนล้วนแต่เกเรทั้งสิ้น จนเป็นที่เอือมระอาของพ่อแม่และพี่ ๆ
แต่เศรษฐี ก็ไม่รู้จะกำราบ ลูกชายอย่างไร ดุด่าก็แล้ว คาดโทษก็แล้ว ปลอบก็แล้ว เอาทุกกระบวนท่า ก็ยังไม่อาจทำให้ลูกคนเล็ก กลับดีขึ้นมาได้ ยิ่งโตยิ่งก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
ทำให้เศรษฐีต้องขึ้นโรงพัก หรือไม่ก็ขอโทษขอโพยชาวบ้าน ที่ลูกชายไปรังแกเป็นประจำ เสียเงินไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
วันหนึ่ง ขณะกำลังนั่งโต๊ะกินข้าวเย็นกันอยู่ เศรษฐีจึงอบรมลูกทุกคน ขึ้นกลางวงข้าวว่า ..
“นี่เจ้าใหญ่ พ่อภูมิใจลูกมาก ที่เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ตั้งใจช่วยพ่อแม่ทำงาน ดูแลกิจการที่พ่อมอบหมาย พ่อขอขอบใจ
และน้องหญิงก็เหมือนกัน พ่อกับแม่ก็ภูมิใจเหมือนกัน ที่ลูกเป็นเด็กดีเหมือนกับพี่เขา ตั้งใจทำดีฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
คนเราต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง จึงจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้มีปัญญารักษาสมบัติที่เรามีให้คงอยู่ต่อไป
ส่วนเจ้าเล็กทำไมไม่เอาอย่างพี่ ๆ เขาบ้าง พ่อกับแม่ตั้งความหวังไว้กับแกมาก แต่ก็ผิดหวังเสียจริง ๆ เพราะไม่เคยทำให้พ่อกับแม่สบายใจเลย
เราโตแล้วหัดใช้หัวคิดเสียบ้าง อย่าคิดว่าเป็นลูกคนรวย แล้วจะอยู่เหนือคนอื่น หรือทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะเงินทองถ้าใช้ไม่เป็น สักวันหนึ่งมันก็หมดได้”
เศรษฐีร่ายยาว แต่สังเกตเห็นลูกชายคนเล็กไม่ค่อยสนใจ นั่งใจเหม่อลอยอยู่ จึงถามว่า “แกเป็นอะไรไปเจ้าเล็ก เห็นนั่งใจลอย หน้าตาไม่สบาย เหมือนอดนอนมาทั้งคืน”
ลูกชายคนเล็กเงยหน้าดูพ่อ แต่ไม่กล้าตอบ เมื่อถูกคาดคั้นเข้า ก็ก้มหน้าพูด “เมื่อวานผมไปเสียพนันบอลมาครับพ่อ เป็นเงินแสนหนึ่ง
เขาให้ผมเอาไปจ่ายพรุ่งนี้ ผมกลุ้มใจมากนอนไม่หลับ ผมอยากขอความกรุณาจากคุณพ่อขอเงินไปใช้หนี้เขาครับ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เศรษฐีถึงกับลมออกหู “หาเรื่องมาให้อีกจนได้ แกนึกว่าเงินแสน มันหาง่ายนักหรือเวลาเล่นพนัน ทำไมไม่คิดว่าจะแพ้บ้าง
คิดเอาแต่จะได้ อย่าว่าแต่แสนหนึ่งเลย บาทหนึ่งก็ไม่ให้ แกจะไปหาที่ไหนก็ไปเถอะ พอกันทีเรื่องแบบนี้”
“โธ่คุณพ่อ เงินแค่นี้ คุณพ่อจะเสียดายทำไม ถ้าผมไม่มีไปใช้หนี้ เขาเอาผมตายแน่ เสียชื่อเสียงของคุณพ่อด้วย คุณพ่อจะยอมหรือ” ลูกชายหว่านล้อม
“ตายเป็นตายกัน บาทเดียวก็ไม่ให้ ให้พ่อตายเสียก่อนค่อยเอา” พ่อยื่นคำขาด
ลูกชายตบะแตกเมื่อเห็นพ่อเล่นไม้แข็ง จึงเล่นบทโหดบ้าง “นี่หรือพ่อคน เป็นพ่อภาษาอะไร ลูกกำลังหายนะ กลับซ้ำเติมไม่ยอมช่วย สัตว์มันยังรักลูก เมื่อลูกเดือดร้อน มันยังปกป้องลูกของมัน พ่อเป็นคนแท้ๆ ไม่รักลูกเลย” มันว่าเข้าไปนั่น
เศรษฐีได้ยิน แทนที่จะโกรธหนักขึ้น กลับใจเย็นลง คิดอยู่ก่อน แล้วว่าคืนนี้จะแอบไปใช้หนี้แทนลูก แต่ต้องทำขึงขังเพื่อให้ลูกได้สติ
แต่ลูกกลับเตลิดไปใหญ่ เศรษฐีจึงต้องทำใจเย็นและยืนกรานว่าจะไม่ช่วย ลูกชายโกรธพ่อหัวฟัดหัวเหวี่ยง เข้าห้องปิดประตูเงียบ
ครุ่นคิดหาวิธี ที่จะหาเงินมาใช้หนี้ หากไม่ได้เจ้าหนี้คงเอาตายแน่ หรือไม่ก็คงประจาน ให้อายเพื่อนฝูง จะพึ่งพ่อคงไม่ได้ เดินคิดเป็นเสือติดจั่น
เหนื่อยเข้าก็ลงนอน แต่ก็นอนไม่หลับ ความคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ๆ
พลันความคิดอุบาทว์แวบขึ้นมาในสมอง คิดถึงคำสุดท้ายของพ่อที่ว่า ให้พ่อตายเสียก่อน จึงค่อยเอา
“ต้องฆ่าพ่อ” เขาสรุปเรื่อง “พ่อเป็นคนรวยมีสมบัติมาก เมื่อพ่อตายแล้วสมบัติก็จะต้องถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน เราจะต้องได้ส่วนหนึ่ง แค่ส่วนเดียวก็มากพอที่จะใช้หนี้และกินใช้ไปอีกนาน”
ความคิดอุบาทว์ไม่หยุดแค่นั้น เขาคิดถึงวิธีจะฆ่าพ่อให้ตายคืนนี้ ต้องเข้าไปในห้องของพ่อแล้วเอามีดโกนปาดคอพ่อให้ขาด !!
รุ่งเช้าเราก็จะได้สมบัติ เขาคิดง่ายๆ อย่างคนฟุ้งซ่านเสียสติ ลุกขึ้นมาเปิดลิ้นชัก หยิบมีดโกนขึ้นมาแล้วลองสบัดดู เห็นว่ายังใช้คล่องอยู่ก็คิดว่าได้การแน่
แต่จะด้วยอำนาจเวรกรรม หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำให้เขาคิดว่ามีดโกนเล่มนี้ ไม่ได้ใช้มานานแล้ว จะคมจริงหรือเปล่า ปาดคอพ่อทีเดียวจะทำให้คอขาดหรือเปล่าไม่รู้
จะต้องลองดูเสียก่อน เพื่อทดสอบดูเขาจึงไปนั่งหน้ากระจก ลองเอามีดจ่อคอดูแล้วทำท่าปาดคอ
แต่ด้วยอยู่ในอารมณ์ที่ไร้สติขาดการควบคุม เขาจึงกระชากมีดอย่างแรง มีดโกนก็คือมีดโกนวันยังค่ำ มันจึงไม่เข้าใครออกใครและยังคมกริบอยู่
ด้วยแรงกระชากเพียงครั้งเดียว หลอดคอของเขาก็ขาดสะบั้น เลือดกระฉูด เขาล้มลงทั้งเก้าอี้ เลือดไหลนองพื้น ดิ้นรนและส่งเสียงแครกๆ สองสามหนแล้วก็แน่นิ่งไป
ความคิดและชีวิตอันโสมมของเขาก็จบสิ้นลงอย่างน่าเวทนา..
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ในการเลี้ยงลูกนั้น มีข้อที่ต้องระวังอย่างหนึ่ง คือการตามใจลูก ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นตามใจเพราะรัก ด้วยเห็นว่าเป็นลูกคนสุดท้องบ้าง
ตามใจเพราะกลัวลูกจะเกลียดเอา เมื่อดุด่าเขาบ้าง ตามใจเพราะต้องการให้ลูกตัวเอง เด่นกว่าลูกของคนอื่นบ้าง
การตามใจเช่นนี้มักทำให้ลูกเหลิง และไม่รู้จักความรับผิดชอบ ไม่รู้จักผิดถูก แยกแยะไม่ได้ว่าอะไรควรไม่ควร รวมถึงทำอะไรไม่เป็น
เพราะสิ่งที่เขาได้รับทุกวันนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกใจและไม่ต้องออกแรง พ่อแม่และพี่ ๆ ทำให้ทั้งนั้น
เลยทำให้เสียเด็กเสียคนไป กลายเป็นคนหยิบโหย่ง ไม่รับผิดชอบ ทำอะไรไม่เป็น ทำอะไรตามใจชอบ ใครขัดใจไม่ได้ แสดงอาการไม่พอใจและความร้าวร้าวออกมาเมื่อไม่สบอารมณ์
แต่เรื่องนี้ หาใช่ความผิดของเขาไม่ เพราะเขาได้รับการบ่มเพาะ ลักษณะเช่นนั้น มาจากผู้ใหญ่ จากการตามใจ และการพะเน้าพะนอ ฟูมฟักเหมือนไข่ในหิน
เด็กเลยเสีย และได้รับความหายนะ จากการคิดไม่ถึงของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่ตามใจลูกจนลูกเสียคน.
จากหนังสือ กิร_ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพจาก pixabay.com
ส่วนลูกคนเล็กเนื่องจากถูกพ่อและพี่ ๆ ตามใจมาตั้งแต่เล็กจึงเสียเด็ก ทั้งดื้อด้าน ไม่ฟังคำว่ากล่าวของใคร เอาแต่ใจตัวเอง เรียนไป สนุกเที่ยวเตร่กับเพื่อนไป
เนื่องด้วยเป็นลูกเศรษฐีมีเงินมาก ทำให้มีเพื่อนฝูงมาก เพื่อนแต่ละคนล้วนแต่เกเรทั้งสิ้น จนเป็นที่เอือมระอาของพ่อแม่และพี่ ๆ
![]() |
pixabay |
แต่เศรษฐี ก็ไม่รู้จะกำราบ ลูกชายอย่างไร ดุด่าก็แล้ว คาดโทษก็แล้ว ปลอบก็แล้ว เอาทุกกระบวนท่า ก็ยังไม่อาจทำให้ลูกคนเล็ก กลับดีขึ้นมาได้ ยิ่งโตยิ่งก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
ทำให้เศรษฐีต้องขึ้นโรงพัก หรือไม่ก็ขอโทษขอโพยชาวบ้าน ที่ลูกชายไปรังแกเป็นประจำ เสียเงินไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
วันหนึ่ง ขณะกำลังนั่งโต๊ะกินข้าวเย็นกันอยู่ เศรษฐีจึงอบรมลูกทุกคน ขึ้นกลางวงข้าวว่า ..
“นี่เจ้าใหญ่ พ่อภูมิใจลูกมาก ที่เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ตั้งใจช่วยพ่อแม่ทำงาน ดูแลกิจการที่พ่อมอบหมาย พ่อขอขอบใจ
และน้องหญิงก็เหมือนกัน พ่อกับแม่ก็ภูมิใจเหมือนกัน ที่ลูกเป็นเด็กดีเหมือนกับพี่เขา ตั้งใจทำดีฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
คนเราต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง จึงจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้มีปัญญารักษาสมบัติที่เรามีให้คงอยู่ต่อไป
![]() |
pixabay |
ส่วนเจ้าเล็กทำไมไม่เอาอย่างพี่ ๆ เขาบ้าง พ่อกับแม่ตั้งความหวังไว้กับแกมาก แต่ก็ผิดหวังเสียจริง ๆ เพราะไม่เคยทำให้พ่อกับแม่สบายใจเลย
เราโตแล้วหัดใช้หัวคิดเสียบ้าง อย่าคิดว่าเป็นลูกคนรวย แล้วจะอยู่เหนือคนอื่น หรือทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะเงินทองถ้าใช้ไม่เป็น สักวันหนึ่งมันก็หมดได้”
เศรษฐีร่ายยาว แต่สังเกตเห็นลูกชายคนเล็กไม่ค่อยสนใจ นั่งใจเหม่อลอยอยู่ จึงถามว่า “แกเป็นอะไรไปเจ้าเล็ก เห็นนั่งใจลอย หน้าตาไม่สบาย เหมือนอดนอนมาทั้งคืน”
ลูกชายคนเล็กเงยหน้าดูพ่อ แต่ไม่กล้าตอบ เมื่อถูกคาดคั้นเข้า ก็ก้มหน้าพูด “เมื่อวานผมไปเสียพนันบอลมาครับพ่อ เป็นเงินแสนหนึ่ง
เขาให้ผมเอาไปจ่ายพรุ่งนี้ ผมกลุ้มใจมากนอนไม่หลับ ผมอยากขอความกรุณาจากคุณพ่อขอเงินไปใช้หนี้เขาครับ”
![]() |
pixabay |
เมื่อได้ฟังดังนั้น เศรษฐีถึงกับลมออกหู “หาเรื่องมาให้อีกจนได้ แกนึกว่าเงินแสน มันหาง่ายนักหรือเวลาเล่นพนัน ทำไมไม่คิดว่าจะแพ้บ้าง
คิดเอาแต่จะได้ อย่าว่าแต่แสนหนึ่งเลย บาทหนึ่งก็ไม่ให้ แกจะไปหาที่ไหนก็ไปเถอะ พอกันทีเรื่องแบบนี้”
“โธ่คุณพ่อ เงินแค่นี้ คุณพ่อจะเสียดายทำไม ถ้าผมไม่มีไปใช้หนี้ เขาเอาผมตายแน่ เสียชื่อเสียงของคุณพ่อด้วย คุณพ่อจะยอมหรือ” ลูกชายหว่านล้อม
“ตายเป็นตายกัน บาทเดียวก็ไม่ให้ ให้พ่อตายเสียก่อนค่อยเอา” พ่อยื่นคำขาด
ลูกชายตบะแตกเมื่อเห็นพ่อเล่นไม้แข็ง จึงเล่นบทโหดบ้าง “นี่หรือพ่อคน เป็นพ่อภาษาอะไร ลูกกำลังหายนะ กลับซ้ำเติมไม่ยอมช่วย สัตว์มันยังรักลูก เมื่อลูกเดือดร้อน มันยังปกป้องลูกของมัน พ่อเป็นคนแท้ๆ ไม่รักลูกเลย” มันว่าเข้าไปนั่น
![]() |
pixabay |
เศรษฐีได้ยิน แทนที่จะโกรธหนักขึ้น กลับใจเย็นลง คิดอยู่ก่อน แล้วว่าคืนนี้จะแอบไปใช้หนี้แทนลูก แต่ต้องทำขึงขังเพื่อให้ลูกได้สติ
แต่ลูกกลับเตลิดไปใหญ่ เศรษฐีจึงต้องทำใจเย็นและยืนกรานว่าจะไม่ช่วย ลูกชายโกรธพ่อหัวฟัดหัวเหวี่ยง เข้าห้องปิดประตูเงียบ
ครุ่นคิดหาวิธี ที่จะหาเงินมาใช้หนี้ หากไม่ได้เจ้าหนี้คงเอาตายแน่ หรือไม่ก็คงประจาน ให้อายเพื่อนฝูง จะพึ่งพ่อคงไม่ได้ เดินคิดเป็นเสือติดจั่น
เหนื่อยเข้าก็ลงนอน แต่ก็นอนไม่หลับ ความคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ๆ
พลันความคิดอุบาทว์แวบขึ้นมาในสมอง คิดถึงคำสุดท้ายของพ่อที่ว่า ให้พ่อตายเสียก่อน จึงค่อยเอา
![]() |
Pexels |
ความคิดอุบาทว์ไม่หยุดแค่นั้น เขาคิดถึงวิธีจะฆ่าพ่อให้ตายคืนนี้ ต้องเข้าไปในห้องของพ่อแล้วเอามีดโกนปาดคอพ่อให้ขาด !!
รุ่งเช้าเราก็จะได้สมบัติ เขาคิดง่ายๆ อย่างคนฟุ้งซ่านเสียสติ ลุกขึ้นมาเปิดลิ้นชัก หยิบมีดโกนขึ้นมาแล้วลองสบัดดู เห็นว่ายังใช้คล่องอยู่ก็คิดว่าได้การแน่
แต่จะด้วยอำนาจเวรกรรม หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำให้เขาคิดว่ามีดโกนเล่มนี้ ไม่ได้ใช้มานานแล้ว จะคมจริงหรือเปล่า ปาดคอพ่อทีเดียวจะทำให้คอขาดหรือเปล่าไม่รู้
จะต้องลองดูเสียก่อน เพื่อทดสอบดูเขาจึงไปนั่งหน้ากระจก ลองเอามีดจ่อคอดูแล้วทำท่าปาดคอ
แต่ด้วยอยู่ในอารมณ์ที่ไร้สติขาดการควบคุม เขาจึงกระชากมีดอย่างแรง มีดโกนก็คือมีดโกนวันยังค่ำ มันจึงไม่เข้าใครออกใครและยังคมกริบอยู่
ด้วยแรงกระชากเพียงครั้งเดียว หลอดคอของเขาก็ขาดสะบั้น เลือดกระฉูด เขาล้มลงทั้งเก้าอี้ เลือดไหลนองพื้น ดิ้นรนและส่งเสียงแครกๆ สองสามหนแล้วก็แน่นิ่งไป
ความคิดและชีวิตอันโสมมของเขาก็จบสิ้นลงอย่างน่าเวทนา..
![]() |
Pexels |
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ในการเลี้ยงลูกนั้น มีข้อที่ต้องระวังอย่างหนึ่ง คือการตามใจลูก ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นตามใจเพราะรัก ด้วยเห็นว่าเป็นลูกคนสุดท้องบ้าง
ตามใจเพราะกลัวลูกจะเกลียดเอา เมื่อดุด่าเขาบ้าง ตามใจเพราะต้องการให้ลูกตัวเอง เด่นกว่าลูกของคนอื่นบ้าง
การตามใจเช่นนี้มักทำให้ลูกเหลิง และไม่รู้จักความรับผิดชอบ ไม่รู้จักผิดถูก แยกแยะไม่ได้ว่าอะไรควรไม่ควร รวมถึงทำอะไรไม่เป็น
เพราะสิ่งที่เขาได้รับทุกวันนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกใจและไม่ต้องออกแรง พ่อแม่และพี่ ๆ ทำให้ทั้งนั้น
เลยทำให้เสียเด็กเสียคนไป กลายเป็นคนหยิบโหย่ง ไม่รับผิดชอบ ทำอะไรไม่เป็น ทำอะไรตามใจชอบ ใครขัดใจไม่ได้ แสดงอาการไม่พอใจและความร้าวร้าวออกมาเมื่อไม่สบอารมณ์
แต่เรื่องนี้ หาใช่ความผิดของเขาไม่ เพราะเขาได้รับการบ่มเพาะ ลักษณะเช่นนั้น มาจากผู้ใหญ่ จากการตามใจ และการพะเน้าพะนอ ฟูมฟักเหมือนไข่ในหิน
เด็กเลยเสีย และได้รับความหายนะ จากการคิดไม่ถึงของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่ตามใจลูกจนลูกเสียคน.
จากหนังสือ กิร_ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพจาก pixabay.com
สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ