ครูใบมะขาม

มีคนจีนสองคนโดยสารเรือมาจากประเทศจีนด้วยกัน หวังมาตายดาบหน้าที่เมืองไทย เมื่อถึงฝั่งแล้วทั้งสองก็จับอาชีพจับกังที่ท่าเรือ ซึ่งเป็นงานหาไม่ยาก มีอาหารพอประทังชีวิต มีที่พักพอซุกหัวนอน และได้ค่าจ้างเล็กน้อย 

ทั้งสองก็พอใจกับสภาพเริ่มต้นของตนแล้ว และตั้งแต่นั้นมาก็สาบานเป็นเพื่อนกัน ต่างให้คำสัญญากันว่าถ้ามีเงินไม่ถึงแสนจะไม่กินเป็ดกินไก่ เพราะถ้ากินเป็ดกินไก่ต้องใช้เงินซื้อมา เงินที่ได้มาจะหมดไปกับการกิน ทั้งสองต่างทำตามสัญญากันได้เป็นอย่างดี

ภาพประกอบบทความ ความอดทน pexels 

หลายปีเข้าก็พอมีเงินเก็บกัน ทั้งสองหันไปประกอบอาชีพส่วนตัว โดยแยกกันไปทำตามถนัด คนหนึ่งจับอาชีพซื้อขายขวดเก่าและเศษเหล็ก โดยใช้หาบเร่ไปหาซื้อจากที่ต่าง ๆ แล้วนำมาขายให้เถ้าแก่ที่รับซื้อ ทำอยู่หลายปีจนมีเงินพอควร 

จึงได้ขอเข้าหุ้นกับเถ้าแก่เป็นเจ้าของกิจการด้วย ซึ่งเถ้าแก่ก็ยินดีให้เข้าร่วม โดยมอบหมายให้มีหน้าที่รับซื้อของเก่าที่เขานำมาขาย เพราะสามารถดูของออกและตีราคาได้ ทำร่วมกับเถ้าแก่อยู่พักหนึ่ง ก็ขอแยกตัวไปตั้งร้านรับซื้อของเก่าเอง และได้แต่งงานกับหญิงไทยคนหนึ่ง ต่อมาก็ขยายกิจการ

โดยตั้งบริษัทขายอะไหล่รถ และเครื่องมือต่าง ๆ ภายในเวลาไม่ถึง ๒๐ ปี บริษัทก็ใหญ่โตขึ้นเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เขาได้กลายเป็นเถ้าแก่อย่างเต็มภาคภูมิ 

ภาพประกอบบทความ ความสำเร็จ

และตลอดเวลา ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมานั้นเถ้าแก่ใหม่แม้จะมีเงินหลายล้านแล้วแต่ก็ยังคิดถึงคำสัญญาที่ให้กับเพื่อนได้เสมอ จึงไม่ยอมแตะต้องลิ้มรสเป็ดรสไก่หรืออาหารแพงๆ เลย

ทั้งเสื้อผ้าก็ใช้ซ้ำกันอยู่อย่างนั้น อีกทั้งเห็นว่ากินอยู่ธรรมดาก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ จนเห็นว่ากิจการมั่นคงดีและมีลูกหลานที่สามารถดูแลกิจการได้แล้วจึงได้ลิ้มรสอาหารเหล่านั้น

ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งได้จับอาชีพขับรถรับจ้าง พอมีเงินเก็บจนสามารถออกรถผ่อนส่งได้คันหนึ่งมาใช้รับจ้างส่งของ เงินทองก็เริ่มจะมีมากขึ้น ความเป็นอยู่เริ่มสุขสบายขึ้น จึงลืมสัญญาที่ให้กันไว้กับเพื่อนเสียสิ้น 

เขาคิดว่าเมื่อทำงานเหนื่อยมาก็ต้องกินต้องใช้ให้คุ้ม จึงไปซื้อเป็ดซื้อไก่มากิน ซื้อสุรามาดื่ม คบหาเพื่อนฝูง และออกไปหาความสำราญกัน ทั้งไม่คิดจะมีครอบครัวให้เป็นหลักฐาน

ภาพประกอบบทความ ดื่มกิน

กลายเป็นคนใจเติบมือเติบไปโดยปริยาย ทำให้เงินทองหมดไปโดยใช่เหตุ ต่อมารถที่ผ่อนส่งอยู่ก็เริ่มเก่าลง ต้องซ่อมกันเรื่อยไป ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น เงินทองที่เก็บไว้ก็หมดไปกับรถ ขาดส่งบ้างในบางงวด สุดท้ายก็ถูกยึดรถ ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องเร่ร่อนไปหางานทำใหม่ ได้งานทำและมีเงินแล้วก็กินใช้อย่างเคย โดยไม่คิดเสียดายอะไร

วันหนึ่งเขาไปของานทำที่บริษัทแห่งหนึ่ง บังเอิญเป็นบริษัทของเพื่อนเก่าคนนั่นเอง เถ้าแก่เห็นเพื่อนเข้ามาในบริษัทด้วยลักษณะซอมซ่อก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา 

แต่ก็มิได้แสดงตัวให้เพื่อนเห็น รีบเข้าไปด้านหลังแล้วสั่งให้ลูกชายออกมารับแทนพร้อมทั้งกระซิบว่าถ้ามาขอเงินก็ให้ไป ถ้ามาของานทำก็ให้รับไว้ แต่มิได้บอกเหตุผลให้ลูกชายทราบ เขาได้งานทำและได้ที่อยู่ในบริษัทนั้นนั่นเอง 

ภาพประกอบบทความ ทำงานบริษัท

โดยเถ้าแก่สั่งให้ลูกชายจัดการ ให้เขาไปพักที่บ้านคนใช้หลังบริษัท มอบงานเบา ๆ ให้เขาทำ และให้ลูกชายกำชับว่า ให้เขาหุงหาอาหารกินเอง ให้นำหัวปลาเค็มแห้งมาเก็บตุนไว้ให้เขากิน หมดแล้วให้หามาเพิ่ม  และให้เขาเก็บใบมะขามต้นเล็ก มาต้มกินกับหัวปลาก่อน เมื่อใบมะขามต้นเล็กหมดแล้ว จึงให้เก็บจากต้นใหญ่มากินได้ 

ลูกชายก็ปฏิบัติตามนั้น พร้อมทั้งสั่งกำชับว่าเป็นคำสั่งของพ่อ เขาก็รับคำหนักแน่นว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความยินดี เขาอยู่ที่หลังบ้านและต้มหัวปลากับใบมะขามกินทุกมื้อตามคำสั่ง

ใบมะขามต้นเล็กที่แตกใบอ่อนสะพรั่งพอให้เก็บกินได้อยู่หลายวันนานเข้าก็เริ่มหมด ใบอ่อนก็แตกไม่ทัน เขาจึงได้รับอนุญาตให้เก็บจากต้นใหญ่ได้ นับเดือนแล้วใบมะขามต้นใหญ่ก็ไม่หมด 

เมื่อกิ่งนี้ร่อยหรอลงก็ย้ายไปเก็บกิ่งโน้น กว่ากิ่งใหม่จะร่อยหรอ กิ่งเก่าก็ผลิใบอ่อนสะพรั่งอีก เก็บกินหลายเดือนแล้วก็ไม่หมด เถ้าแก่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา

เห็นเพื่อนปฏิบัติตัวตามสั่งอย่างดี ก็ให้นึกสงสารเพื่อน ถึงเวลาจะแสดงตัวแล้ว จึงในเช้าวันหนึ่งเมื่อเพื่อนกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว จึงได้เดินไปหาที่บ้านคนใช้ เพื่อนเห็นคนเดินมาท่าทางภูมิฐานก็รู้ได้ว่าเป็นเถ้าแก่ของบริษัทแน่ จึงออกมาต้อนรับ แล้วก้มหน้าถามอย่างนอบน้อมว่า “เถ้าแก่มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ”

“ไม่มีอะไรจะใช้หรอก” เถ้าแก่ตอบ คิดว่าเพื่อนคงจำตนไม่ได้ อยากจะฟื้นความหลังจึงพูดว่า “ก็แค่จะมาถามว่าอยากกินเป็ดกินไก่บ้างไหม กินแต่หัวปลากับใบมะขามมาหลายเดือนแล้ว”

ภาพประกอบบทความ

เมื่อได้ยินเถ้าแก่พูดถึงเป็ดถึงไก่ เขาจึงเงยหน้ามองเถ้าแก่ตรง ๆ พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็แน่ใจว่าเป็นเพื่อนเก่าของตนจึงเรียกชื่อเก่าของเพื่อนว่าใช่หรือไม่ เถ้าแก่ก็ตอบว่าใช่ ทั้งสองเลยกอดกันกลม ลืมความเป็นเถ้าแก่ความเป็นลูกจ้างไปสิ้น 

เถ้าแก่ชวนเพื่อนไปนั่งที่ม้ายาวในสวน แล้วกล่าวว่า “ที่อั๊วะต้องทำเช่นนี้ เพื่อให้ลื้อคิดถึงความหลัง ครั้งเรายังจนอยู่และได้เคยสัญญากันไว้ อย่าได้ถือโทษเลยนะ ที่ให้ลื้อกินข้าวกับหัวปลาต้มกับใบมะขามน่ะ 

ต้นมะขามก็เหมือนกับเงินทองนั่นแหละ ถ้าต้นยังเล็กกิ่งก็จะน้อย เราเก็บใบมากินทุกวันไม่ช้ามันก็หมด และแตกไม่ทันกิน ส่วนต้นใหญ่กิ่งมันมาก ใบอ่อนก็มาก เก็บกินเท่าไรมันก็ไม่หมด มันแตกให้เรากินได้ทุกวัน 

เงินทองก็เหมือนกัน เมื่อมันยังมีไม่มาก เรากินเราใช้ไม่ประหยัดไม่ช้ามันก็หมด ที่หามาเพิ่มก็ไม่ทันกิน ก็ทำให้ร่ำรวยไม่ได้ แต่เมื่อหามาได้จนมากพอแล้ว เราจะกินใช้อย่างไรมันก็ไม่หมดง่ายๆ และมันงอกเงยขึ้นทุกวัน 

แค่กินแค่ใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อิ่มหนำมันจะหมดเปลืองไปสักเท่าไร นอกเสียจากเราจะไปเล่นการพนันหรือสนุกสนานสำมะเลเทเมาเท่านั้นจริงไหม”

เพื่อนก็ได้แต่นั่งฟังและพยักหน้าหงึกหงักๆ เห็นด้วยกับเพื่อนเถ้าแก่ ตอนท้ายเถ้าแก่ก็บอกเพื่อนว่า “ต่อไปนี้ลื้อไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ไปอยู่กับอั๊วะที่เรือนเล็กโน่นมันมีห้องว่างอยู่ ลูกเมียอั๊วะเขาอยู่กันที่เรือนใหญ่ ไม่มายุ่งกับเราหรอก ถึงเวลาเขาก็เอาอาหารมาส่ง 

เมื่อลูกเมียเขาไปทำงานกันหมด อั๊วะอยู่คนเดียวก็เงียบเหงาเหมือนกัน ได้ลื้อมาเป็นเพื่อนคุยก็ดีแล้วจะได้หายเหงาเสียที” เพื่อนก็ได้แต่พูดว่าขอบคุณๆ ไม่หยุดปาก.

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่าการไม่รู้จักกินไม่รู้จักใช้นั้นเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้คนเรายากจนและตั้งตัวไม่ได้ แม้จะมีปัญญามีกำลังหาเงินทองมาได้แต่ไม่มีหัวคิดที่จะเก็บออมรอมริบ ไม่คิดที่จะประหยัดไว้ทำทุนต่อไป คิดแต่เพียงว่าเมื่อมีแล้วก็ควรใช้ให้คุ้ม หมดแล้วก็สามารถหาใหม่ได้ตราบใดที่ยังมีเรี่ยวแรงมีกำลังอยู่

คิดได้แค่เพียงเท่านี้ก็เหมาะที่จะเป็นได้แค่ลูกน้องเขาเท่านั้น โอกาสที่จะขยับฐานะขึ้นเป็นเถ้าแก่เป็นหัวหน้าคนนั้นย่อมมีน้อยเต็มทีเพราะรัศมีเถ้าแก่นั้นจะทาบถึงเฉพาะคนที่ประหยัด อดออม ฉลาดในการทำงาน ฉลาดในการบริหารงานและเงินทองที่หาได้ และฉลาดในการใช้คนเท่านั้น 

คนที่มีลักษณะนิสัยหยิบโหย่ง ฟุ้งเฟ้อ เห็นแก่กิน เห็นแก่เที่ยว เห็นแก่สนุกสนาน เข้าข่ายกินไม่เป็นใช้ไม่เป็นนั้น รัศมีเถ้าแก่ย่อมไม่เฉียดกรายไปหาแน่นอน ในเรื่องนี้ใบมะขามและต้นมะขามสองขนาดย่อมเป็นครูสอนใจได้เป็นอย่างดี


จากหนังสือ กิร ดังได้สดับมา

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)

ภาพจาก pexels.com

ความคิดเห็น