ในอดีตกาล พระราชโอรสของพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี ได้ไปศึกษาวิชาการ กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่เมืองตักกสิลา ร่วมกับศิษย์คนอื่น ๆ
วันหนึ่งพระราชโอรสได้ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ เห็นงาที่คุณยายคนหนึ่งตากเอาไว้ก็เกิดอยากเสวยขึ้นมา
เมื่อยายแก่เผลอจึงขโมยงาเสวยไปกำมือหนึ่ง ยายแก่เหลือบเห็นพอดีก็มิได้ว่าอะไร
วันที่สองก็ทำเช่นนั้นอีก ยายแก่ก็ไม่ว่าอะไร วันที่สามก็ยังทำเช่นนั้นอีก ยายแก่ทนไม่ได้จึงนำเรื่องไปฟ้องอาจารย์ทิศาปาโมกข์
อาจารย์ฟังแล้วรับปากจะชดใช้ให้ แต่ยายแก่ไม่ยอม ต้องการจะให้ลงโทษเพื่อจะได้ไม่ทำอีก
![]() |
ภาพประกอบบทความ อาจารย์ลงโทษศิษย์ |
อาจารย์จึงให้ลูกศิษย์สองคน ช่วยกันจับพระราชโอรสมัดมือไพล่หลัง แล้วเฆี่ยนด้วยซีกไม้ไผ่ไป ๓ ที จนเกิดแผลแตกเป็น ๓ รอยด้วยกัน
พระราชโอรสมองดูอาจารย์ตั้งแต่หัวจดเท้า ด้วยสายตาที่น่ากลัว คิดอาฆาตอาจารย์ว่า ถ้าตนได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเมื่อใด จะหลอกอาจารย์ไปที่เมืองของตน แล้วจัดการฆ่าเสียให้หายแค้น ซึ่งอาจารย์ก็มองออกว่าลูกศิษย์โกรธ และคิดอะไรอยู่
ต่อมาเมื่อทรงศึกษาจบแล้ว พระราชโอรสจึงไปอำลาอาจารย์ เหมือนไม่มีอะไรในใจ กล่าวกะอาจารย์ว่า “ท่านอาจารย์ครับ เมื่อกระผมกลับเมือง และได้ครองราชย์สมบัติ กระผมจะส่งสาส์นมาเรียนเชิญอาจารย์ไปร่วมงาน ขอให้อาจารย์ไปให้ได้”
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ก็รับปากว่าจะไป เมื่อพระราชโอรสกลับไปถึงเมืองพาราณสีแล้ว พระเจ้าพรหมทัตทรงดีพระทัยมาก จึงทรงสละราชสมบัติ ให้พระราชโอรสครอบครองต่อไป
เมื่อได้ครองราชสมบัติแล้ว พระองค์จึงร่างสาส์นเชิญอาจารย์มา แล้วให้ทูตถือไปยังเมืองตักกสิลา ฝ่ายอาจารย์ทิศาปาโมกข์ก็คิดว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะไปตอนนี้ รอไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า
จึงส่งทูตกลับพร้อมให้กราบทูลว่า เมื่อมีโอกาสจะไปเฝ้าตามที่สัญญาไว้ ต่อมาเมื่อพระราชาทรงมีอายุอยู่ในมัชฌิมวัย ทรงเป็นผู้ใหญ่สุขุมรอบคอบมากขึ้น
![]() |
ภาพประกอบบทความ เดินทาง |
แม้จะเนิ่นนานมาหลายปี ก็ยังไม่สาย จึงทรงรับสั่งให้อำมาตย์ไปตามอาจารย์มาเฝ้าทันที เมื่อทอดพระเนตรเห็นอาจารย์เข้า เพลิงแค้นที่สุมอยู่ในพระอุระก็ลุกโพลงขึ้นอีก
จึงได้ตรัสกะอาจารย์ว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเคยให้จับข้าพเจ้ามัดมือไพล่หลัง แล้วเฆี่ยนด้วยซีกไม้ไผ่ ๓ ที รอยแผลเป็นยังอยู่จนทุกวันนี้
ด้วยสาเหตุเพียงงากำมือเดียว วันนี้ท่านดั้นด้นมาที่นี้ ท่านไม่เสียดายชีวิตหรือ ท่านคิดว่าจะมีชีวิตกลับไปได้หรือ วันนี้ท่านต้องชดใช้กรรมของท่านแล้ว”
อาจารย์ทิศาปาโมกข์นิ่ง ฟังพระดำรัสด้วยอาการอันสงบ ไม่แสดงอาการหวาดกลัวแต่ประการใด ทำให้ดูน่าเกรงขาม สมกับเป็นอาจารย์ระดับสูง แห่งเมืองตักกสิลาอันลือชื่อ
เมื่อพระราชาตรัสจบแล้ว จึงกราบทูลขึ้นว่า “ขอเดชะ ขอทรงโปรดทนฟังคำที่ข้าพระองค์ จะกราบทูลสักนิดเถิด การที่คนดีลงโทษคนที่ทำไม่ดีด้วยการเฆี่ยนตี นั่นถือว่าเป็นการห้ามปราม และป้องกันมิให้ทำเช่นนั้นอีก ไม่ถือว่าเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้กันภายหลัง
ข้อนี้นักปราชญ์ทั้งหลายรู้กันดี หากว่าไม่มีการลงโทษ หรือห้ามปรามไว้ เขาก็จะได้ใจไปทำความไม่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปก็จะหยุดไม่อยู่ ไม่มีใครห้ามปรามได้
เขาก็จะเสียคน หรือไม่ก็ถูกจับกุมคุมขัง ต้องเข้าคุกเข้าตะรางหรือถูกประหารชีวิต พระองค์ก็เช่นเดียวกัน หากข้าพระองค์ไม่ลงโทษกำราบไว้แต่ต้น ไฉนจะทรงศึกษาได้สำเร็จและเสด็จกลับมาแล้วได้รับรางวัลเป็นราชสมบัติดังที่ทรงได้รับอยู่
หากข้าพระองค์ปล่อยไปตามเรื่อง พระองค์อาจเสียผู้เสียคน และอาจถูกจับได้หรือถูกประหารไปแล้วก็ได้
ดังนั้นขอให้พระองค์ ทรงดำริให้ดีเถิดว่า การลงโทษครั้งนั้น มีคุณแก่พระองค์อย่างไร
แต่หากทรงเห็นว่าข้าพระองค์ ทำไม่ถูกต้องก็รับสั่งให้ประหารข้าพระองค์เถิด จะได้หายแค้นที่ฝังพระทัยมานานนับสิบปี”
เมื่อได้ทรงสดับอาจารย์กราบทูลแล้ว พระราชาทรงได้สติขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่ออาจารย์กราบทูลจบ ความแค้นที่สั่งสมมานาน ได้อันตรธานไปสิ้น ทรงลุกจากบัลลังก์ ลงมาประทับคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์ ตรัสขอโทษอาจารย์ที่ล่วงเกิน
แล้วทรงชักชวนให้อาจารย์อยู่สั่งสอนในพระราชสำนัก พร้อมทั้งให้ไปนำครอบครัวอาจารย์ เข้ามาเพื่อทรงชุบเลี้ยงต่อไป.
![]() |
ภาพประกอบบทความ การเริ่มต้น |
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ..
การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี ดุด่าว่ากล่าว หรือด้วยวิธีอื่นที่ไม่เกินขอบเขต เป็นเรื่องปกติที่ทำกันมาแต่โบราณ
แต่สมัยใหม่มักมองว่าเป็นเรื่องล้าสมัย ป่าเถื่อน ที่อารยชนเขาไม่ทำกัน ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ว่าเหมาะหรือไม่
โดยข้อเท็จจริงขึ้นอยู่กับว่า การที่จะฝึกฝนอบรมคนให้เป็นคนดีนั้น ควรจะทำอย่างไร ด้วยวิธีแบบไหน
เพราะวิธีการอย่างเดียว ไม่อาจฝึกอบรมคน ให้เป็นคนดีได้ ด้วยว่าคนเรานั้นมีพื้นเพจิตใจ อุปนิสัย และพฤติกรรมต่างกัน จึงต้องมีวิธีการฝึกที่แตกต่างกันออกไป
จะลงโทษแบบไหนก็ตาม ด้วยเจตนาที่ดีมีเมตตา หวังให้ผู้ถูกลงโทษเป็นคนดี เลิกทำสิ่งที่ไม่ดีได้
ย่อมไม่สมควรจะประณามว่าป่าเถื่อน ผู้ถูกลงโทษเองก็ไม่ควรคิดโกรธเคืองอาฆาตแค้น หรือแสดงอาการไม่เหมาะสมออกมา
แต่ควรคิดให้ได้ว่าถ้าเขาไม่หวังดี ไม่ปรารถนาดีแล้วจะเสียแรงมาอบรม เสียแรงลงโทษ และเสียเวลากับตนทำไม
เอาเวลาเอาแรงไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองหรือคนที่ว่าง่ายสอนง่ายมิดีกว่าหรือ.
ขอกราบขอบพระคุณที่ให้ข้อคิดดี ๆ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ