นกกระทาตัวเก่ง

ชายชราคนหนึ่ง เป็นคนใช้ของเศรษฐี ทำหน้าที่เป็นคนสวน อยู่กับเศรษฐีมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ วันหนึ่งแกดายหญ้าตั้งแต่เช้ายันบ่าย เหนื่อยนักจึงพักเอาแรงที่ร่มไม้ต้นหนึ่ง 

ขณะกำลังเคลิ้ม ๆ อยู่นั้นได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง อยู่ใกล้ตัวจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เห็นนกกระทาตัวหนึ่ง กำลังเดินหากินใกล้ ๆ อย่างไม่ระวังตัว มันคงคิดว่าแกเป็นขอนไม้ก็ได้

แกจึงตะครุบนกกระทาไว้ได้ นกกระทาตกใจมากเมื่อถูกจับตัว และยิ่งกลัวหนักขึ้น เมื่อเห็นชายชราค่อย ๆ ดึงมีดออกจากเอว คงจะเชือดคอตนให้ตายเป็นแน่ “อย่าฆ่าฉันเลย” นกกระทาร้องเป็นเสียงมนุษย์

pixabay

ชายชราตาเหลือก นกอะไรพูดได้ ผีหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่ปล่อยนก ทิ้งมีดและประคองนกไว้ตรงหน้า พิจารณาดูอย่างละเอียด มันก็นกกระทาธรรมดานี่เอง แต่ทำไมพูดได้ แกจึงลองพูดไปว่า “ไม่ฆ่าตอนนี้ก็ได้ แต่ข้าจะไม่ปล่อยเอ็งไปง่าย ๆ”

“อย่างเพิ่งฆ่าฉันตอนนี้เลย ฉันจะบอกของดีให้ท่าน ๔ ข้อ เมื่อบอกหมดแล้วค่อยฆ่าฉันก็ได้” นกกระทาต่อรอง ชายชราเชื่อว่านกพูดได้จริงจึงหายกลัว แต่ก็นึกสนุกอยากฟังนกพูดต่อไปอีก จึงถามว่า “เอาว่าไป เอ็งมีอะไรจะบอกรีบว่ามา”

“ขอให้ลุงจำไว้ให้ดีนะ การที่คนเราจะมีความสุขในชีวิตได้จะต้องปฏิบัติตามหลัก ๓ ข้อ ข้อหนึ่งต้องระวังรักษาของดีที่หาได้ไว้ให้ดี อย่าให้สูญหายไปง่าย ๆ 

ข้อสองอย่าเศร้าโศกเสียใจ เมื่อของดีนั้นต้องสูญหายไป และข้อสามจงฟังหูไว้หู อย่าหูเบาเชื่อคนง่าย” 

“๓ ข้อเท่านี้เองเรอะ ไหนเมื่อครู่บอกว่ามี ๔ ข้อ อีกข้อหนึ่ง ว่าอย่างไรบอกมาซิ” ชายชราทวง

“อีกข้อหนึ่งนั้นสำคัญนัก ฉันจะบอกลุงก็ต่อเมื่อลุงปล่อยให้ฉันเป็นอิสระสักครู่หนึ่ง ได้หายใจหายคอมั่ง ลุงเล่นบีบอยู่อย่างนี้ก็แย่สิ”


ชายชราได้ยินนกต่อรองดังนั้น ก็ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่า “ข้อเตือนใจ ๓ ข้อที่นกบอกเรานั่นก็มีค่าเกินคุ้มแล้ว หากเราปล่อยแล้วมันบินหนีไปเลย ก็ทำให้เราอดกินมันอิ่มเดียวเท่านั้น ลองปล่อยมันไป จะได้รู้ข้อที่ ๔ ด้วย” แล้วก็วางนกลงบนพื้นดิน

นกกระทาได้รับอิสระ แล้วรีบวิ่งห่างชายชราออกไป พอที่จะเอื้อมมือไปคว้าไม่ถึง แล้วหันกลับมาพูดกะชายชราว่า “ลุงนี่ขี้ลืมชะมัดยาดเลย ฉันบอกเมื่อตะกี้นี้เอง ในหลักข้อที่ ๑ ว่าต้องระวังรักษาของดี ที่หาได้ไว้ให้ดี แต่ลุงกลับปล่อยฉันง่าย ๆ ไม่ยอมรักษาไว้”

แกได้ยินนกต่อว่าเช่นนั้นก็ถึงกับเกาหัว นึกฉุนตัวเองอยู่เหมือนกันที่เสียท่านกกระทา แต่ก็ทำใจดีขอร้องนกกระทาว่า “ช่วยบอกข้อ ๔ หน่อยได้ไหม ข้าอยากรู้”

นกกระทาบอกว่า “ข้อที่ ๔ นี้มิใช่ข้อเตือนสติเตือนใจอะไรหรอก แต่ขอบอกว่า ในท้องของฉันนี่มีเพชรเม็ดงาม หนักถึง ๒๐๐ กะรัตเชียวนะ แต่ขอโทษทีเถอะ ลุงปล่อยฉันเสียแล้ว ลุงเลยอดที่จะได้เพชรเม็ดงามนี้ไปเพราะฉันจะบินไปแล้ว”

pixabay

ชายชราทรุดลงทั้งยืน รำพึงรำพันกับตัวเอง “โธ่เอ๋ยเรา ไม่น่าปล่อยให้หลุดมือไปเลย เกือบจะได้เป็นเศรษฐีอยู่แล้วเชียว” แล้วแกก็นั่งหน้าเศร้า เสียใจด้วยความเสียดายเพชร

“ลุงลืมอีกแล้ว” นกกระทาต่อว่า “หลักข้อ ๒ ที่ว่าอย่าเศร้าโศกเสียใจเมื่อของดีนั้นต้องสูญเสียไป ทำไมลุงไม่เชื่อฉันเลย จะเสียใจไปทำไม ไหน ๆ ลุงก็ปล่อยฉันมาแล้ว และไหน ๆ ลุงก็ไม่ได้เพชรแล้ว เสียใจไปมันก็เท่านั้นจริงไหม”

ได้ยินนกกระทาพูดดังนั้น แกก็ได้สติหยุดเศร้า ท่าทีดูสบายใจขึ้น แต่ยังออกอาการเสียดายอยู่ “ลุงนี่มิใช่จะลืมแค่ ๒ ข้อเท่านั้นนะ ข้อสุดท้ายก็ลืมด้วย คือเป็นคนหูเบาเชื่อง่าย ฉันพูดอะไรก็เชื่อง่าย ๆ 

มีอย่างที่ไหนนกกระทามีเพชร ๒๐๐ กะรัตอยู่ในท้อง เพชรขนาดนั้นมันใหญ่ เกือบเท่าตัวฉันแล้ว เมื่อมันอยู่ในท้อง ฉันจะบินไปไหนมาไหนได้อย่างไร เพชรหนักขนาดนั้นมันหนักกว่าตัวฉันเสียอีก ที่จริงในตัวฉันไม่มีเพชรแม้แต่กะรัตเดียว ฉันลองใจลุงต่างหาก”
ชายชราได้ฟัง ก็หายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นยืนอย่างคนมั่นใจตัวเอง  นัยน์ตาจ้องไปที่นกกระทาอย่างชื่นชม ในความเฉลียวฉลาดเกินตัวของมัน นับเป็นบุญของตนนัก ที่ได้เห็นได้ยินสิ่งอัศจรรย์ ที่แกคิดว่าคนอื่นคงไม่มีโอกาสอย่างแกแน่นอน และคิดว่าจะจดจำ หลักดำเนินชีวิตทั้งสามข้อ ที่นกกระทาฝากไว้ และจะดำเนินตามไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่.

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ปกติคนเราย่อมได้ฟังคำพูดที่ดีๆ ที่เป็นคำสอน คำเตือนสติ หรือคำที่เป็นหลักปฏิบัติตัวง่ายๆ จากผู้ใหญ่ เช่นพ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ด้วยกันทุกคน แต่มักจะไม่ใส่ใจจดจำ ไม่ให้ความสำคัญ 

ส่วนคำด่า คำหยาบคาย หรือคำที่เพ้อเจ้อไม่มีประโยชน์ กลับจดจำนำไปพูดกัน โดยเห็นว่าโก้เก๋ทันสมัย ในชีวิตจึงไม่มีแก่นสารอะไรสำหรับยึดเป็นแนวปฏิบัติ อารมณ์ก็อ่อนไหว เต้นไปตามกระแส เป็นคนหูเบา เชื่อคนง่าย 

เมื่อได้รับความสูญเสีย หรือความผิดหวังเข้าก็ร่ำไห้เสียใจ ตีโพยตีพายประชดตัวเอง หรือไม่ก็เก็บตัวหลบหนีสังคมไปเลย เป็นการทรมานตัวเองโดยแท้ 
เพจการบ้าน

คำเตือนคำสอนของผู้ใหญ่นั้น มีค่ายิ่งกว่าเพชรเม็ดงามหลายเท่า  เพราะใช้ไม่มีวันหมด ไม่มีวันเสื่อมราคา ใครจะมาขโมยไปก็ไม่ได้  สามารถประดับตัว ประดับใจได้ทุกโอกาส และทุกสถานที่ 

ใครได้ไว้ก็งดงาม และสุขกายสบายใจไปตลอด และคนที่มีผู้คอยเตือนคอยสอนนั้น ถือว่าเป็นคนมีโชคที่สุดแล้ว เมื่อไม่รับโชคไว้กับตัว ก็ต้องอับโชคตลอดไป โดยไม่มีใครช่วยได้ นอกจากช่วยตัวเอง ซึ่งต้อง
เหนื่อยและหนักแน่นอน.

จากหนังสือ กิร ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพจาก pixabay.com, เพจการบ้าน

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น