เคยทำร้ายเขาเอาไว้ อาจมีจุดจบเหมือนช้างเกเร!!

นกมูลไถตัวหนึ่งวางไข่ที่ริมหนองน้ำแห่งหนึ่ง ต่อมาไข่ก็ออกตัวเป็นลูกนกได้ ๒ ตัว มันหวงลูกของมันยิ่งกว่าอะไร ต่อมามีช้างป่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเดินมาทางนั้น

เพื่อดื่มน้ำในหนองน้ำแห่งนั้น ท่าทางมันเกเรดุร้ายไม่น้อย นกมูลไถเห็นดังนั้นจึงรีบบินไปสกัดหน้าแล้วขอร้องว่า “ท่านช้าง กรุณาเดินไปทางอื่นเถิด ทางนี้มีลูกของฉันอยู่หลายตัว เท้าท่านใหญ่จะเหยียบตายหมด กรุณาเถิด”

ช้างได้ยินก็ชูงวงส่งเสียงร้องก้องป่า แล้วกล่าวกะแม่นกว่า “ชะชะ เจ้านกน้อย เจ้าถือดีอย่างไรมาขวางทางข้า เจ้าเองต่างหากที่มาไข่ตามทางเดินของข้า ข้าไม่หลบให้หรอก” ว่าแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ

ภาพประกอบบทความ นกมูลไถ

นางนกมูลไถก็บินตามขอร้องไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไร้ผล มันจึงบินไปที่ลูกน้อยทั้งสอง ใช้ปีกโอบลูกไว้ด้วยสัญชาตญาณป้องกันภัยให้ลูก พลางร้องขอชีวิตลูกอีก ช้างไม่ฟังเสียง ยกเท้าหน้าข้างหนึ่งขึ้นแล้วเหยียบลงที่ลูกนกพอดี 

ก่อนที่เท้าช้างมหึมาจะถึงพื้น แม่นกตัดสินใจฉับพลันสละลูกบินหนีเอาตัวรอดไปก่อน อนิจจาลูกนกทั้งสองตัวแหลกอยู่ใต้อุ้มเท้าของช้างในพริบตา แม่นกแสนจะอาดูรนักหนา

ความแค้นประดังเข้ามาแทนที่ บินไปที่หน้าช้างแล้วประกาศก้องจองเวรว่า “เจ้าช้าง เจ้าอย่าคิดว่าตัวเจ้าใหญ่จะทำอะไรใครก็ได้ แล้วเจ้าจะได้รับผลกรรมของเจ้าในครั้งนี้” 

“เจ้านกน้อยเอ๋ย ตัวเจ้าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้” ช้างตอบแล้วก็เดินไปที่หนองน้ำ

นางนกได้แต่เสียใจที่สูญเสียลูกและคับแค้นใจยิ่งนักที่เกิดมาตัวเล็กสู้ช้างไม่ได้ 

นับแต่นั้นมาก็คิดหาทางแก้แค้นให้สาสม คิดอยู่หลายวันก็ลงตัว มันบินไปตีสนิทกับสัตว์ที่อยู่ในแผนการคือกาฝูงหนึ่ง แมลงวันหัวเขียวฝูงหนึ่ง และกบอีกฝูงหนึ่ง 

มันใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะได้สัตว์เหล่านั้นมาเป็นเพื่อนสนิท และได้เล่าความทุกข์ของตนให้สัตว์เหล่านั้นฟัง 

สัตว์เหล่านั้นยิ่งเกิดความสงสารเพื่อนมาก และบอกว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรก็ให้บอก ยินดีจะช่วยเต็มที่

ภาพประกอบบทความ นางนกมูลไถ

เมื่อเพื่อนรับปากแล้วนางนกก็เริ่มแผนทันที อันดับแรกมันบินไปหากาก่อนแล้วขอร้องว่า “พี่กาจ๋า ขอให้พวกพี่ไปจิกตาช้างโทนตัวนั้นให้ทีเถิด จิกให้เละทั้งสองข้างเลย เวลานี้มันกำลังไปที่หนองน้ำอยู่” กาทั้งฝูงก็ยินดีรีบบินตามนางนก ไปที่หนองน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

เมื่อเห็นช้าง มันก็ส่งสัญญาณให้ฝูงกาจัดการได้ กาทั้งฝูงก็กรูกันไปที่ช้าง ต่างก็รุมจิกตาทั้งสองข้างของช้างเป็นพัลวัน ช้างตกใจโดนโจมตีไม่ทันรู้ตัวแต่ไม่อาจป้องกันได้ทัน ตาของมันเละเหวอะหวะ

ทั้งสองข้างและบอดสนิททันที กาทำงานเสร็จแล้วก็บินจากไปนางนกเห็นช้างตาบอดเลือดสาดก็ให้สะใจนัก 

แต่ความแค้น ยังไม่เหือดหาย มันรีบบินไปหาแมลงวันที่กำลังกินซากสัตว์อยู่ขอร้องว่า “น้อง ๆ เมื่อกินกันอิ่มแล้วช่วยบินไปปล่อยไข่ขางที่ตาช้างตัวนั้นทีเถิด เวลานี้มันอยู่ที่หนองน้ำ”

ด้วยไมตรีอันแน่นแฟ้น ฝูงแมลงวันหัวเขียวจึงเต็มใจช่วย โดยบินไปที่หนองน้ำ เห็นช้างเดินสะเปะสะปะอยู่ ก็กรูกันเข้าไปตอมที่ตาทั้งสองข้าง แล้ววางไข่ขางในแผลที่มีเลือดเกรอะกรังอยู่ เสร็จงานแล้วก็บินจากไป

ช้างเกเรตัวนั้นได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัส ตาก็บอดเดินชนโน่นชนนี่เรื่อยไป ผ่านไปไม่กี่วันแผลก็เริ่มเน่า ด้วยความสกปรกของไข่แมลงวันหัวเขียว มันเจ็บปวดแทบขาดใจ และหิวโหยแทบหมดแรงเพราะหาอาหารกินไม่ได้ ได้แต่เดินกระเซอะกระเซิงชนโน่นชนนี่ไป นางนกมูลไถก็บินตามสังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ

พอรู้ว่ามันเริ่มหมดแรง จึงไปขอร้องพวกกบตามแผนต่อไป “พี่ ๆ จ๋า ได้เวลาที่พวกพี่จะได้ทำงานช่วยน้องแล้ว พวกพี่ช่วยไปที่ปากเหวตรงนั้นหน่อยเถิด ช้างตัวนั้นมันเดินอยู่แถวนั้นคงได้ยินเสียงพี่ร้องแน่นอน”

ฝูงกบก็ยินดีทำให้โดยไม่ทราบแผนของเพื่อนนางนก มันพากันกระโดดจากบึงไปที่ปากเหวไม่ห่างนัก พากันร้องตะเบ็งเซ็งแซ่ก้องไปทั้งป่า

ฝ่ายช้างเกเรตาบอดได้ยินเสียงกบร้องอยู่ไม่ไกล เข้าใจว่าบริเวณนั้นต้องมีหนองน้ำแน่นอน จึงหันหัวเดินไปตามเสียงร้องของกบ ยิ่งดินตามเสียงไปเสียงก็ยิ่งดังขึ้น 

มันคิดว่าเดินมาถูกทาง และใกล้หนองน้ำเข้ามาแล้ว จึงเดินตามเสียงไปเรื่อย ๆ โดยหารู้ไม่ว่าข้างหน้ามิใช่บึงหรือหนองน้ำ แต่เป็นเหวลึกซึ่งจะกลายเป็นที่ฝังร่างของมัน

ในที่สุดมันก็เดินเร่งไปหาความตายจนถึงที่ มันก้าวเท้าหน้าที่เหยียบลูกนกไปบนอากาศว่างเปล่าของปากเหว เมื่อเหยียบพลาดร่างของมันก็คะมำลงไปและหายวับไปทั้งตัวในพริบตา 

สักครู่ก็มีเสียงดังตึงที่ก้นเหว จบชีวิตอันทุกข์ทรมานของมันไป นางนกมูลไถก็ได้แก้แค้นสมใจปรารถนา.

ภาพประกอบบทความ ช้างเกเร

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า..

คนที่ชอบทำร้ายสัตว์ หรือคนด้วยกันจะด้วยความสนุกคะนอง ด้วยความอาฆาตมาดร้าย หรือด้วยต้องการแสดงความเด่นความได้เปรียบอะไรก็ตาม ย่อมทำให้ผู้ที่ถูกเบียดเบียนทำร้ายนั้นอาฆาตแค้นแน่นอน และไม่พึงคิดว่าเขาจะเอาปัญญาเอากำลังที่ไหนมาแก้แค้นตนได้ 

เมื่อถึงขีดสุดผู้ถูกทำร้ายย่อมมีทางแก้แค้นได้แน่ ถึงหากจะไม่ทำด้วยตัวเองก็มีตัวแทนทำได้ สิ่งนั้นคือเวรกรรมซึ่งจะติดตามจองล้างจองผลาญเหมือนหมาไล่เนื้อ ตามทันเมื่อไรเป็นเข้างับทันที 

เมื่อนั้นผู้ที่คิดว่าตัวเองเก่ง ที่กลั่นแกล้งเกเรคนอื่นได้ จะร้องไม่ออกและบอกใครไม่ได้เลย และการจองเวรกันนั้นเป็นเรื่องที่ยืดยาวนัก ข้ามภพข้ามชาติก็ได้ 

คนที่ผูกเวรเข้าไว้ก็จะไม่มีความสุขเลย ต้องเสียเวลาหาทางแก้แค้นร่ำไป หากปล่อยวางได้ ให้อภัยกันได้ แล้วก็แล้วกันไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของตัวแทนคือเวรกรรม จะแก้แค้นลงโทษผู้กระทำย่ำยีล่วงเกินตนไป ก็จะทำให้สบายใจขึ้น 

แม้ว่ามันจะช้าไปบ้าง ไม่ทันใจบ้าง ก็ยังดีกว่าจะไปจองเวรและลงมือแก้แค้นเสียเอง เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังอาจต้องไปรับทุกข์รับโทษหลังจากแก้แค้นได้แล้วก็เป็นได้.


ที่มาหนังสือ กิร ดังได้สดับมา

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)

ภาพจาก pixabay.com 

ความคิดเห็น