ต้องมีเป้าหมายไปนิพพาน

ยามที่โลกขาดพระสัพพัญญูพุทธเจ้า โลกก็ยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้ามาเป็นเนื้อนาบุญทดแทน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านไม่อบรมสั่งสอนใคร ตั้งผังอย่างเดียว

ฉะนั้น ตรวจตราดูให้ดี อธิษฐานอะไรบ้าง เพราะ ท่านจะยืนนิ่ง ๆ พออธิษฐานจบ เอวัง โหตุ ขอให้เป็นเช่นนั้น เป็นผังสำเร็จติดตัวไปแล้ว

เพราะฉะนั้นถ้าทำบุญกับท่าน ตักภัตตาหารใส่ในบาตรท่าน ก็สาธุขอให้รวย ๆ เป็นมหาเศรษฐีของโลก ถ้าอธิษฐานแค่นั้น พอท่านปิดฝาบาตร เอวัง โหตุ แสดงว่าผังสำเร็จเกิดขึ้นแล้วนะ 

เหมือนมหาเศรษฐีของโลกบางคนรวยได้ แต่ขาดนิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ไม่ได้มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร รวยแบบไม่มีเป้าหมาย รวยฟรี แม้ทำเยอะก็ได้น้อย 

ที่ถูกต้องรวยแล้วเกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น แล้วได้ทำบุญในพระพุทธศาสนา นั่นเป็นการอธิษฐานล้อมคอกไว้ อย่างนี้นอกจากจะรวยแล้ว ยังมีปัญญา มีบุญคุ้มครองพาตัวเองไปสู่จุดหมายปลายทางได้

คำว่า นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ขอให้เป็นปัจจัยได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

เวลาทำบุญทุกครั้ง ขอให้ได้อานิสงส์ตรงนี้ ตรงที่เป็นชนกกรรมมาเกิดในครรภ์มารดาผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการบรรลุนิพพานทีเดียว

แต่ถ้าสาธุ ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำในคราวนี้ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งรวยจริง แต่ไปอยู่นอกเขตบุญสถาน หาทรัพย์ว่ายากแล้ว แต่การใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างเฉลียวฉลาด เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน

และได้ประโยชน์ไปถึงอนาคตอย่างสูงยิ่ง ตรงนี้ยากพอ ๆ กับการหานั้นแหละ

อย่าไปนึกว่ามีทรัพย์แล้วใช้ทรัพย์ แต่ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเกิดเป็นเศรษฐีเฉย ๆ ไม่ได้อธิษฐานล้อมไว้ ตายไปแล้ว สมบัติตกเป็นของทายาท ทายาทใช้ไม่เป็นอีก ก็อันตรายเหมือนกัน นอกจากทรัพย์จะพินาศแล้ว ตายแล้วยังไปตกในอบายภูมิ

ดังนั้น ทุกครั้งที่เราทำบุญ เวลาจะอธิษฐานอะไรก็แล้วแต่ อย่าลืม นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ


คุณครูไม่ใหญ่

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

หนังสือชีวิตลิขิตได้ หน้าที่ ๒๗-๒๙

ภาพดีๆ 072

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น