ครอบครัวหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ มีฐานะดี ช่วงวันหยุดวันหนึ่ง พ่อบ้านชวนแม่บ้านและลูกเล็ก ๆ ชายหญิงสองคนไปพักผ่อนริมทะเลต่างจังหวัดแบบไปเช้าเย็นกลับ
แม่บ้านจึงเตรียมอาหาร เครื่องดื่มพร้อมพลาสติก และเสื่อใส่รถพร้อมสรรพ กะว่าจะไปทานอาหารกลางวัน ตามร่มไม้ริมทะเล ได้เวลาก็ออกเดินทางกัน
เที่ยงวันเศษ ๆ ก็แวะลงข้างทางเพื่อทานอาหารกัน แม้จะยังไม่ถึงชายทะเล แต่ก็มีต้นไม้ที่มีร่มเงาหนาทึบ มีเด็กในหมู่บ้านใกล้ ๆ วิ่งเล่นกันอยู่หลายคน ดูอายุก็ไล่เลี่ยกับลูกของตน
ทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน ต่างก็ขนอาหาร และสิ่งของลง ปูเสื่อผืนใหญ่สองผืน ปูผ้าพลาสติกทับ จัดอาหารวางแล้วเรียกลูก ๆ มาทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนที่ทานกันอยู่นั้นเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ก็มายืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยเห็นเป็นคนแปลกหน้า นั่งรถสวย แต่งตัวสวย ลูกเขาก็หน้าตาดี ไม่มอมแมมเหมือนพวกตัว
ทานกันอิ่มแล้ว แต่อาหารยังเหลืออีกมาก ขนมและผลไม้ก็หมดไปไม่มาก แม่บ้านเตรียมจะเก็บรวบรวมไปใส่รถ พ่อบ้านจึงบอกว่า “นี่คุณ ของพวกนี้เราอย่าเอากลับไปเลย แจกเด็ก ๆ แถวนี้ดีกว่า บ้านเราหากินเมื่อไรก็ได้ แต่เด็กพวกนี้ดูท่าทางจะยังไม่กินข้าวกลางวันกัน ให้ทานไปเถอะนะ”
แม่บ้านเห็นด้วยจึงกวักมือเรียกเด็ก ๆ ที่อยู่ห่าง ๆ มารับของแจก ทีแรกเด็กไม่กล้าเข้ามาใกล้ จนพ่อบ้านเดินไปจูงมือมา จึงตามกันมาทั้งหมด ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านและลูก ๆ ต่างหยิบขนมหยิบผลไม้ส่งให้ แล้วบอกให้กินกันเลย
เด็กเหล่านั้นจึงกินขนม กินผลไม้ที่ไม่เคยเห็น เพราะไม่มีขายในหมู่บ้าน ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ตามประสาเด็กที่ได้ลิ้มรสของแปลก ๆ
ทำให้พ่อบ้านแม่บ้านมองดูด้วยความเอ็นดู ลูก ๆ ก็สนุกที่ได้แจกของแก่เด็กด้วยกัน เมื่อแจกจนหมดแล้ว เด็กเหล่านั้นก็เดินจากไปพร้อมกินขนมและผลไม้ไปด้วย
“นี่คุณ วันนี้ฉันมีความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก” แม่บ้านเอ่ยกับพ่อบ้าน “ฉันนึกไม่ถึงเลยว่า การที่เราให้ของแก่คนอื่นนี่มันจะมีความสุขใจเช่นนี้ ฉันโตมาในกรุง อยู่กับครอบครัวที่มั่งมี แต่ไม่เคยเห็นใครกินขนมกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อยอย่างมีความสุขเช่นเด็กเหล่านี้เลย วันหลังท่าจะต้องหาของมาแจกให้เด็กเหล่านี้อีก”
พ่อบ้านฟังแล้วก็ไม่ได้เสริมความอะไร ได้แต่ยิ้ม ๆ พยักหน้ารับเท่านั้น.
![]() |
การให้คือการปลูกฝังคุณธรรมอย่างหนึ่ง |
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า..
การให้นั้นถ้าทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ด้วยความเสียสละจริง ๆ ย่อมทำให้เกิดความสุขอย่างลึกซึ้ง ซึ่งไม่อาจหาได้จากการอื่น ไม่อาจรับสืบทอดได้จากผู้อื่น นอกจากจะทำด้วยตัวเอง ผู้ที่เคยให้อะไรแก่ใคร ๆ ด้วยจิตใจเช่นนั้นมาแล้ว ย่อมรู้แก่ใจดีว่า ตนได้รับผลตอบแทนเป็นความสุขใจอย่างไร
ส่วนคนที่ไม่เคยให้อะไรแก่ใคร หรือให้ด้วยจิตใจหวังผลตอบแทนเป็นผลประโยชน์ จะไม่มีวันได้รับความรู้สึกเช่นว่านี้เลย ความจริงสุขเกิดจากให้นั้นหาได้ไม่ยาก อยู่ไม่ไกลตัวคนเราเลย
เราสามารถหามาสัมผัสได้ด้วยการให้อย่างเสียสละ ด้วยจิตใจที่ปล่อยวาง ไม่หวังผลตอบแทนจากผู้รับ และให้สิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ผู้รับ
บางทีการให้อาหารเพียงจานเดียว แก่ผู้หิวโหย ยังจะทำให้เกิดความสุขใจได้มากกว่าให้ของขวัญสวยหรูราคาแพงแก่เจ้านาย เพื่อหวังผลบางอย่างเสียด้วยซ้ำไป.
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
กิร ดังได้สดับมา หน้า๕๘-๖๐
ภาพจาก pixabay
สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบกราบสาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบ