ในสมัยที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านยังมีชีวิตอยู่ หากท่านใดได้มีโอกาส เข้าไปกราบเป็นศิษย์ ได้ฟังธรรมะที่ท่านเทศน์สั่งสอน และได้เรียนกรรมฐานกับท่าน ก็นับว่าเป็นผู้มีบุญไม่น้อย
เพราะจะได้เห็น ความเป็นผู้เอาจริงเอาจัง ในการปฏิบัติธรรม และการเทศนาสั่งสอนให้กับ ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ในยุคสมัยนั้น
การปฏิบัติธรรมนี้ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านยืนยันทีเดียวว่า ถ้าตั้งใจปฏิบัติกันจริง ๆ แล้วล่ะก็ ต้องทำเป็นทุกคน ต้องเห็นทุกคน เพราะว่าทุกคนมีดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชร กลมรอบตัว โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ ถ้าไม่มีดวงธรรมอย่างนี้ มนุษย์เกิดไม่ได้ ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะธรรม แปลว่า ทรงรักษาเอาไว้ เป็นที่รองรับการบังเกิดขึ้น ของมนุษย์
เมื่อเป็นมนุษย์ เพราะมีดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์นี้ทรงอยู่ รองรับอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าใครตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอทุกวัน ไม่เกียจคร้าน มีความเพียรทุกอิริยาบถ ทำถูกหลักวิชชา ต้องได้ทุกคน ไม่ได้เป็นไม่มี ไม่ว่าจะแขนขาด ขาขาด ถ้ายังมีชีวิตอยู่ละก็ ทำได้ทั้งนั้น
ยกเว้นอาภัพบุคคล ที่เป็นโรดจิตประสาทเท่านั้น นั่นเป็นอาภัพบุคคล มีวิบากกรรมมาตัดรอน ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนี้ล่ะก็ ทำเป็นทุกคน เข้าถึงทุกคน เกิดมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ ขอให้ทำใจให้ใส ให้เยือกเย็น ให้หยุดให้นิ่ง ให้มีอารมณ์ดี อารมณ์สบาย อารมณ์ที่เป็นกุศลอยู่ตลอดเวลา ทั้งนั่ง ทั้งนอน ทั้งยืน ทั้งเดิน ทั้งหลับ ทั้งตื่น อย่างนี้แหละในทุกอิริยาบถ
หมั่นเอาใจจรดอยู่ที่กลางกาย นึกถึงวัตถุอันเลิศ วัตถุอันประเสริฐ วัตถุอันบริสุทธิ์ ๓ อย่างคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วล่ะก็ เป็นทุกคน ที่ไม่เป็นไม่มี
แต่ถ้าทำเป็นแล้ว ก็ให้หวงแหนเอาไว้ อย่าประมาท อย่าชะล่าใจ ทำวันหนึ่ง หยุดไปสองวัน ทำสองวัน หยุดห้าวัน ทำห้าวัน หยุดไปเป็นสัปดาห์ อย่างนี้เรียกว่าประมาท ชะล่าใจ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านบอกว่าเหมือนลิงได้แก้ว ได้แล้วไม่รู้จักหวงแหน ขว้างแก้วเข้าป่า เข้ารกไป ทั้ง ๆ ที่เกิดมานี่ มาหาแก้ว เจอแล้วไม่กำ ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม นี่คำของท่านเจ็บแสบนักทีเดียว
ใครที่ได้แล้วไม่หวงแหน ปล่อยให้เลอะเลือนไป ทำให้ภาพอื่นเข้ามาแซงนี่ ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ อย่าลืมนึกถึง คำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านว่าเหมือนลิงได้แก้ว เจอแล้วไม่กำ เอาแก้วขว้างเข้ารก เข้าป่า เข้าพงไปเสียแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงยืนยันเลย ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ นั่นนะ สติปัฏฐาน ๔ คือเอาใจมาหยุดอยู่ ตามเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ที่มีอยู่ในตัวของเราอย่างนี้ อย่างเร็วก็ ๗ วัน อย่างกลางก็ ๗ เดือน อย่างช้า ๗ ปี (มหาสติปัฏฐานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค) แล้วแต่เราจะเลือกเอา จะชอบแบบช้า แบบกลาง หรือแบบเร็วน่ะ ถ้าลงมือทำแล้วได้ทุกคน
พระพุทธเจ้ายืนยันอย่างนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ยืนยันอย่างนี้ แล้วเราจะมามัวกังวลทำไมว่า เอ๊ะ.. เรานั่งนี่เราจะได้อย่างเขาว่าหรือเปล่านี่ บุญเราจะมีถึงไหม ถ้าบุญไม่ถึงก็มาไม่ถึงที่นี่ ไม่ได้ยินคำว่าธรรมกาย ไม่รู้จักศูนย์กลางกาย ไม่รู้จักว่าพระรัตนตรัยมีอยู่ในตัวจริง ๆ เพราะฉะนั้น เราก็จับหลักได้ว่า เรานี่มีบุญ เหลือแต่ว่าขยันหรือขี้เกียจเท่านั้นแหละ
ถ้าเราทำ เราก็ต้องเจอ ต้องได้ อยากได้ตอนไหนก็ทำตอนนั้น นี่เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว ไม่ทำก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะว่าถ้าดำเนินวิถีชีวิตไม่ถูกต้อง มีสิทธิ์ไปอบายภูมิมาก มากถึง ๙๙% ในนรกแออัดไปด้วยผู้ที่ดำเนินชีวิตผิดพลาด ประมาท ชะล่าใจ
ที่เจอคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่เชื่อ มีมานะทิฏฐิ มีความกระด้าง คิดว่าตัวเองมีความรอบรู้ แล้วไม่เชื่อคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ปฏิบัติตาม แล้วยังค้านแบบไม่มีเหตุมีผล ดื้อ ๆ ด้าน ๆ จิตเศร้าหมอง ตายแล้วก็ไปแออัด ไม่มีช่องว่างเลย ในนรก ในอบาย
แต่ถ้าหากว่า เราปฏิบัติธรรมทุกวัน สม่ำเสมอ จิตก็บริสุทธิ์ไปเรื่อย ๆ ใจจะผ่องใส เดี๋ยวก็เห็นแสงสว่าง เห็นดวงเห็นกายภายใน เห็นองค์พระ มีความสุขทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว คือไร้ทุกข์ ทั้งที่มีชีวิต หรือตายแล้วก็ตาม สุขตลอดเลย
แม้กระทั่งวันสุดท้าย แม้ทุกขเวทนาจะแรงกล้าแค่ไหน แต่ใจใส แจ่มอยู่ในกลางกายทีเดียว ได้ไปสุขติโลกสวรรค์ แล้วแต่ว่าเราอยากจะไปอยู่ชั้นไหน ก็เลือกเอา อย่างน้อยก็ดาวดึงส์โน่นแหละ ให้เข้าใจหลักอย่างนี้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญ เป็นกรณียกิจทีเดียว
คุณครูไม่ใหญ่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
จากหนังสือ ชีวิตลิขิตได้ หน้า ๕๔-๕๘
ภาพ เพจการบ้าน, dmc.tv
สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ