ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ก็ล้วนเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น แต่เหตุไฉนจริตอัธยาศัยจึงไม่เหมือนกัน ผิดแผกแตกต่างกันออกไป อย่างน่าอัศจรรย์ใจแท้ ๆ
แม้ที่สุดกระทั่งพี่น้องท้องเดียวกัน ก็ยังมีจริตอัธยาศัยแตกต่างกัน บางคนมีอัธยาศัยใจคอดี แต่บางคนกลับตรงกันข้าม คือมีอัธยาศัยใจคอที่ไม่ดี
คนที่มีอัธยาศัยใจคอดี ความประพฤติทางกายและวาจาย่อมดี ส่วนคนที่มีอัธยาศัยใจคอชั่ว ความประพฤติทางกาย และวาจาย่อมชั่วไปด้วย
การที่จริตอัธยาศัยของคนเรา วิปริตผิดแผกแตกต่างกันออกไปเช่นนี้ เป็นเพราะเหตุใด?
ตอบได้ว่าเพราะ "กรรม" ที่แต่ละคนสั่งสมไว้ในอดีตไม่เหมือนกัน คือ ใครเคยทำกรรมดี เช่น เคยให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อละโลกก็ไปเกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดา ณ สวรรค์ชั้นฟ้า และเมื่อเขาได้ลงมาเกิดในโลกมนุษยอีก มักจะเป็นผู้มีราคจริต และสัทธาจริต ซึ่งอาจที่จักอนุมานได้ว่า ทั้งสองจริตนี้ เป็นผู้มาจากภพภูมิอันดี
ผู้ที่เคยทำกรรมชั่วไว้ เป็นผู้มีความอาฆาตพยาบาท มักโกรธมีอาการดุเดือดเลือดขึ้นหน้า ทำการฆ่า เบียดเบียน ทำลาย จองจำ ทำให้ผู้อื่นลำบากเช่นนี้ เมื่อตายไป ได้เกิดเป็นสัตว์นรกในนิรยภูมิ หรือไปเกิดเป็นนาคีมีพิษร้ายในนาคพิภพ มีชีวิตความเป็นอยู่ในสถานที่ที่ตนไปเกิดนั้น เป็นระยะเวลายาวนาน
เมื่อถึงเวลาละจากอัตภาพนั้น ๆ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ก็จะเป็นผู้มีโทสจริต และพุทธิจริตเป็นเจ้าเรือน เพราะโทสจริต และพุทธิจริตนี้เป็นสภาคกัน ฉะนั้นจึงอาจที่จะอนุมานได้ว่า คนประเภทโทสจริตและพุทธิจริต เป็นผู้มาจากภพภูมิที่ไม่ดี
หากเคยเป็นคนหลงงมงาย ชอบดื่มสุรา ไม่สนใจบำเพ็ญกุศล (ทาน ศีล เจริญภาวนา) ไม่สนใจฟังธรรม สอบถามธรรมะกับผู้รู้ ในอดีตชาติ เมื่อตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน คือ หมู หมา กา ไก่ ไส้เดือน กิ้งกือ เป็นต้น ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เป็นเวลายาวนาน
เมื่อละจากอัตภาพนั้น ๆ ได้มาเกิดเป็นมนุษยในโลกนี้ จะเป็นผู้มีโมหจริต และวิตกจริตเป็นเจ้าเรือน เพราะว่าโมหจริตและวิตกจริตนี้ มีความเป็นไปแห่งชีวิตเหมือน ๆ กัน ฉะนั้น จึงอาจที่จักอนุมานได้ว่ามนุษย์ประเภท โมหจริต และวิตกจริตนี้ เป็นผู้มาจากภูมิที่ไม่ดี
นอกจากนี้ท่านผู้รู้ได้ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า จริตอัธยาศัยของคนที่แตกต่างกันไป เนื่องจาก เจตนาของคน ที่เคยทำกรรมไว้ในอดีตไม่เหมือนกันนั่นเอง กล่าวคือในขณะที่ บริจาคทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนา แล้วมีกระแสจิตเพ่งเล็งไปในแง่ใด ก็จะพลันมาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีจริต อัธยาศัยตรงกันในชาตินี้
ถ้าหากทำการกุศลแล้วเพ่งไปทาง ลาภ ยศ สรรเสริญมาก ผลบันดาลให้มาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท ราคจริต หากเพ่งเล็งไปในแง่ความเชื่อ ความเลื่อมใส เชื่อว่าบุญ-บาปมี ผลแห่งกรรมมี ย่อมบันดาลให้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท สัทธาจริต ในชาตินี้
หากกระแสจิตเพ่งไปในแง่ความโกรธ อารมณ์ขุ่นมัว ขุ่นเคือง เจตนาในการสร้างกุศล ประกอบไปด้วยโทษทางใจ คือโทสะ ความโกรธเคือง กุกกุจจะ ความรำคาญเสียใจ มัจฉริยะ ความตระหนี่ ย่อมบันดาลให้การสร้างกุศลนั้น มาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท โทสจริต ในชาตินี้
ผู้มีกระแสจิตเพ่งไปในแง่ปัญญาความรู้ สร้างกุศลด้วยมีเจตนาที่ประกอบด้วยปัญญา มีความนึกคิดที่ถูกต้องว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ทุกคนที่เกิดมาล้วนมีรูปขันธ์ ๕ ทั้งสิ้น ผู้รู้ความจริงนี้แล้ว พากันบำเพ็ญกุศล เพื่อให้เกิดปัญญาญาณในวิปัสสนา เป็นเครื่องพาตนให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏสงสาร
และเราเองได้เจริญรอยตาม ความประพฤติอันดีงามแห่งบัณฑิตนั้นอยู่ ให้รู้สึกภูมิใจว่าเราเป็นคนโชคดี มีโอกาสได้ทำกุศล เพื่อเป็นที่พึ่งที่แท้จริงให้ตนเองทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เจตนาที่บำเพ็ญกุศลด้วยปัญญา อันถูกต้องเป็นอย่างดีเช่นนี้ ย่อมดลบันดาลให้ผู้ที่บำเพ็ญกุศลนั้น พลันมาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท พุทธิจริต ในชาตินี้
หากทำการกุศลแล้วเพ่งไปในแง่ของความหลง โมหะความโง่เขลางมงาย ไม่รู้เหตุผล ทำไปตามที่นิยม คนอื่นเขาว่าดีก็ทำตามพอส่ง ๆ แต่ในใจนั้นเคลือบแคลงสงสัยในทาน ศีล ภาวนา ที่ตนกำลังทำอยู่ เช่นเมื่อให้ทานก็นึกสงสัยว่า ทานให้นั้นมีอานิสงส์หรือไม่อย่างไร
หรือบางทีกำลังบำเพ็ญกุศลอยู่ แทนที่จะปลื้มปีติ กลับมีจิตใจฟุ้งซ่านไม่ได้ตั้งใจดีในการกุศลนั้น ประกอบไปด้วยโมหะความหลงไม่รู้เรื่อง วิจิกิจฉาความเคลือบแคลงสงสัย อุทธัจจะความฟุ้งซ่านไปในเรื่องอื่น ย่อมดลบันดาล พลันมาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท โมหจริต ในชาตินี้
หากทำการกุศลแล้วเพ่งไปในแง่ความสนุกสนาน ประกอบด้วยกามวิตก คิดเพลิดเพลินยินดีไปในกามมารมย์ มากกว่าที่จะคิดถึงบุญกุศล หรือบำเพ็ญการกุศลไปด้วยอำนาจแห่งพยาบาทวิตก เกิดความเจ็บใจน้อยใจในบุคคลอื่นมากกว่าที่จะคิดถึงบุญกุศล หรือบำเพ็ญกองการกุศลไปด้วย
อำนาจวิหิงสาวิตก คิดไปในทางเบียดเบียน ทำลายความสุขคนอื่นสัตว์อื่น ปรารถนาที่จักให้คนอื่นสัตว์อื่น ได้รับความเดือดร้อน มากกว่าที่จะคิดถึงเรื่องบุญกุศลที่ตนกำลังกระทำอยู่ เจตนาที่ทำกุศล ซึ่งประกอบไปด้วยกามวิตก ความตรึกในกาม พยาบาทวิตก ความตรึกในความพยาบาท เจ็บใจน้อยใจ และวิหิงสาวิตก ความตรึกในการเบียดเบียนเช่นนี้ ย่อมดลบันดาลให้ผู้ที่บำเพ็ญกุศลนั้น พลันมาเกิดเป็นมนุษย์ประเภท วิตกจริตในชาตินี้
สรุปได้ว่า การที่มนุษย์เรา มีจริตอัธยาศัยที่แตกต่างกันนั้น ก็เนื่องมาจากกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต
และทุกท่านนับว่าเป็นผู้โชคดีได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ ได้มาพบพระพุทธศาสนา ได้มาสั่งสมบุญกุศลให้ตนเองเพื่อความเจริญในธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
และเมื่อได้ไตรตรองพิจารณาตนแล้วตัดสินว่า ตนเป็นคนมีจริตอัธยาศัยแบบไหน ดีหรือไม่ อย่างไร ก็จะได้รีบแก้ไข หรือเพิ่มคุณธรรมนั้นให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
วิมุตติรัตนมาลี เล่มที่ 1 ล.3 หน้า 102-111
ขอขอบคุณภาพจาก เพจการบ้าน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น