กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่บึงแห่งหนึ่ง แถบภูเขาหิมพานต์ ลูกหงส์สองตัวอาศัยอยู่ที่ถ้ำทองเชิงเขาจิตรถูฎ
พวกมันชอบบินไปหากินไกล ๆ จนไปถึงบึงแห่งนั้น เต่าและหงส์ได้พบกัน และสนิทสนมเป็นเพื่อนกันมา หงส์ทั้งคู่ได้บินไปหาเต่าอยู่เนือง ๆ
![]() |
หงส์ |
วันหนึ่งลูกหงส์ได้ชวนเต่า ไปเที่ยวที่ถ้ำทองของตน เต่าเกิดความสนใจจึงถามว่า..
"แล้วเราจะไปได้อย่างไร"
"ไม่ยากหรอกเพื่อน พวกเราจะพาท่านไปเอง ให้ท่านคาบตรงกลางไม้ใว้ให้แน่น ส่วนพวกเราจะคาบหัวท้าย แล้วบินไปยังถ้ำทองของเรา ไม่นานก็จะถึง"
เต่าตกลง หงส์ทั้งสองจึงบินไปคาบไม้อันหนึ่งมาวางตรงหน้าเต่า แล้วสั่งกำชับว่า..
"ในขณะที่เราพาเพื่อนไป ขอให้เพื่อนคาบไม้ใว้ให้แน่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าอ้าปาก ขอให้เพื่อนจำไว้นะ"
![]() |
เต่า |
หงส์ทั้งคู่เหินฟ้า พาเต่าห้อยต่องแต่งอยู่บนอากาศ แต่บินไม่สูงนักเพราะเกรงว่าเต่าจะกลัว และข้างบนลมแรง บินไปได้สักพัก ก็ผ่านหมู่บ้านเชิงเขาแห่งหนึ่ง ที่ลานบ้านมีเด็กวิ่งเล่นกันอยู่หลายคน
เมื่อเด็กเหล่านั้นเห็นหงส์บินมาแต่ไกล และมีเต่าห้อยอยู่ตรงกลางก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็น จึงตะโกนบอกกัน พร้อมกับตบมือหัวเราะชอบใจ.. "เต่าเหาะ พวกเรามาดูเต่าเหาะ"
เต่ามองลงมาเห็นอาการของพวกเด็ก ๆ และได้ยินเสียงร้องตะโกนว่าเต่าเหาะ ๆ จึงคิดว่าการที่หงส์คาบคอนไม้ที่ตนคาบอยู่ แล้วบินไปบนฟ้ามันหนักหัวพวกเด็กเหล่านี้หรืออย่างไร
คิดไม่คิดเปล่ากลับโกรธเด็กไปด้วย เมื่อความโกรธเกิดขึ้น ทำให้ลืมคำเตือนของหงส์ เลยลืมตัวตะโกนด่าลงไปว่า..
"ไอ้เด็กเปรต" เพียงคำแรกเท่านั้นปากเต่าก็อ้าออกและหลุดจากคอนไม้ ด้วมันก็เลยลอยละล่องลงมาเหมือนเหาะได้จริง ๆ ไม่ถึงอึดใจมันก็ตกลงถึงพื้น กระดองแตกตายคาที่
ส่วนหงส์ได้ยินเสียงเพื่อนด่าเด็ก และร่วงลงไปแล้ว ก็ไม่คิดที่จะบินลงไปดูอาการ เพราะเดาได้ว่าไม่มีทางรอดแน่ จึงทิ้งไม้แล้วบินกลับไปยังถิ่นของตน.
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า...
ปากมีไว้เพื่อทำหน้าที่หลัก ๒ อย่างคือกินกับพูด และอวัยวะส่วนนี้ มิใช่ว่าจะให้คุณอย่างเดียว หากแต่สามารถนำอันตราย ความวิบัติ และทุกข์โทษมาให้เจ้าของได้มากมาย
ถึงกับทำให้ตกนรกหมกไหม้ก็ได้ หากไม่สำรวมไม่ระวังปากของตน โดยเฉพาะไม่ระวังในเวลาอ้าปากพูด มีคำสอนคำเดือนให้ระวังปาก ระวังคำพูดไว้มาก
ซึ่งล้วนเป็นเครื่องเตือนสติ ไม่พูดคำที่เสียหาย เช่นพูดโกหกมดเท็จ พูดปั้นน้ำเป็นตัว พูดจาส่อเสียด พูดให้คนทะเลาะแตกแยกกัน พูดหยาบคายไม่น่าฟัง พูดมากแต่ไร้สาระ เป็นต้น
คนที่ระวังปากสำรวมคำ พูดแต่คำจริงคำแท้ พูดน้อยแต่ได้สาระ พูดไพเราะ น่าฟัง หรือพูดให้คนรักกันสามัคคีกัน ย่อมเป็นคนมีเสน่ห์
ส่วนคนที่ไม่ระวังปากระวังคำ และคนที่เข้าข่ายเรียกว่า "คนปากเสีย" ย่อมมีเสนียดติดตัว หาเรื่องใส่ตัวร่ำไป หรือไม่ก็กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ พูดอะไรก็ไม่มีคนฟัง
เพราะคำพูดไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ แม้พูดจริงคนก็คิดว่าโกหก ปากนั้นพาให้จนก็ได้ พาให้ตัวตายก็ได้ ท่านจึงว่าระวังปากระวังคำไว้ได้เป็นดี.
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
กิร ดังได้สดับมา (ล. ๓ หน้า 005-008)
ภาพจาก pixel, เพจการบ้าน
สาธุ ขอน้อมนำคำสอนของหลวงพ่อมาแก้ไขตนเอง สาธุ ขอกราบอนุโมทนาบุญ
ตอบลบปากเป็นเหตุแท้ๆ อินเทรนด์กับแฮชแทก ตอนนี้เลย กราบบบบบ
ตอบลบ