เรามีชีวิตอยู่ไปวันต่อวัน เรามีสิทธิ์ตายได้ทุกวัน คือ ถ้าหายใจเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตาย เราตายได้ตลอดเวลานะ อย่าไปกลัว กลัวก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย
ฉะนั้นยอมรับเถิดว่า เรามีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ฟังแล้วไม่ใช่ทำให้เฉาชีวิตนะ มันควรจะฉ่ำชีวิตด้วยซ้ำไป เพราะเราก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ทุกวันเช่นเดียวกัน
เรามีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ทุกวัน ถ้าเราทำก็เข้าถึง ถ้าเราไม่ทำก็ไม่เข้าถึงขึ้นอยู่กับ ทำ หรือ ไม่ทำ ขยันหรือขี้เกียจแค่นั้น
และเราไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวขอกำลังใจจากใครเลย กำลังใจมากมายมหาศาลอยู่ในตัวเรา ไปเบิกกันมาใช้บ้าง ไม่ต้องเขียม ๆ ใช้ กำลังใจนี่แปลกยิ่งใช้ ยิ่งมี ยิ่งเยอะ
นอนอยู่เฉย ๆ จะให้มีเรี่ยวแรงกำลัง มันไม่มี อยากจะมีกำลังกายต้องออกกำลังกายจึงจะได้กำลังกลับมา กำลังใจก็เช่นเดียวกัน ยิ่งใช้ ยิ่งมี ยิ่งเยอะ
ใช้มันเข้าไป ฟรีด้วย ไม่ต้องเสียเงิน ขึ้นอยู่กับเราจะใช้ไหม ใช้แค่ไหน เราก็ได้แค่นั้น เยอะหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับเราเอง ไม่ใด้ขึ้นอยู่กับใคร เวลาขี้เกียจก็ขี้เกียจเอง ไม่มีใครขี้เกียจแทน เวลาขยันก็ขยันเอง
ต้องขยันนั่งทำความเพียร ให้แต่ละวันผ่านไปด้วยความปลื้มปีติใจก่อนนอนก็ต้องให้ปลื้มว่า วันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนเราทำความดีอะไรบ้าง ทำการบ้านครบไหม
เรานั่งธรรมะเป็นอย่างไร นั่งให้กายเบาใจเบา แม้ไม่เห็นอะไรก็ให้มันเบา ๆ ไว้ก่อน จนกระทั่งใจปลื้มปีดี จึงค่อยนอน อย่างนี้เรียกว่า นอน อย่างอริยะ แบบบัณฑิตนักปราชญ์ นอนแบบผู้รู้ นอนแบบผู้ไม่รู้ งัวเงียก็มุดเข้ามุ้งคลุมโปง อย่างนี้ไม่เอานะ
เพราะฉะนั้น พรรษานี้เริ่มต้นชีวิตใหม่แบบวันต่อวัน ให้เป็นวันแห่งการ
แสวงหาพระในตัว ซึ่งองค์พระธรรมกายภายในเป็นที่รวมประชุมแห่งบุญทั้งหลายทั้งปวง เป็นเสมือนท้องทะเลแห่งบุญ เหมือนท้องฟ้าเป็นที่รวมของดวงดาว ท้องทะเลเป็นที่รวมของแหล่งน้ำจากห้วยหนองคลองบึง
ของค์พระภายในก็เป็นที่รวมแห่งบุญ แห่งสิ่งที่ดีงาม และสิ่งที่เราปรถนาทั้งหมดไปรวมประชุมกันอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ท่านอยู่ในด้วของเรา
ธรรมะจากคุณครูไม่ใหญ่
๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
บางสิ่งที่แสวงหา (หน้า ๔-๖)
ภาพจากเพจการบ้าน

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น