เป็นมิตรกับความมืด

วันนี้วันที่ ๒ ของการเข้าพรรษา ต้องนับกันไปเป็นวัน ๆ เลย เพราะมีเวลาจำกัดแค่ ๙๐ วันเท่านั้น เพื่อเตือนว่าชีวิตเราผ่านไป แต่ละวันนั้นได้สร้างสิ่งที่ดีได้แค่ไหน ทำให้เราปลื้มปีติภาคภูมิใจไหม 

ถ้ารู้สึกปลื้มปีติภาคภูมิใจก็ใช้ได้ และเราก็จะได้ไปสรุปกัน ตอนก่อนจะออกพรรษา ซึ่งเราจะรู้ได้ด้วยตัวเราเองว่า ๑ พรรษา ที่ผ่านมานั้นเรามีอะไรดีขึ้น

การแก้ไขข้อบกพร่องในแต่ละวัน จะมีผลต่อไปในอนาคตไกล ๆ โน้น ถ้าเราแก้ไขให้ดีขึ้นทุกวัน ก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากไม่แก้ไข มันก็จะค่อย ๆ ตกต่ำกันลงมา

พรรษานี้เป็น พรรษาแห่งการบรรลุธรรม พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ นี่คือความตั้งใจของเรา ฝึกหยุดฝึกนิ่งกันไปเรื่อย ๆ อย่าไปท้อกันเสียก่อน

ความมืดภายใน ภายหลังจากที่เราหลับตา นั่นเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ใจยังไม่หยุดนิ่ง อย่าไปคิดว่าเป็นอุปสรรค ต้องคิดว่าความมืดเป็นเรื่องธรรมดา

เวลาเราหลับตาแล้วพบความมืด ก็ต้องทำใจให้เป็นมิตรกับความมืด ให้คิดว่าความมืดเป็นเกลอเป็นสหายของเรา แล้วเราจะอยู่กับความมืดใด้อย่างสบายใจ โดยไม่หงุดหงิดฮึดฮัดว่า เรานั่งมาตั้งนานแล้วทำไม่ไม่สว่างสักที

เมื่อเราเป็นมิตรกับความมืด ความมืดก็จะเป็นมิตรกับเรา นี่ก็เป็นเรื่องแปลกนะ แต่ถ้าเราฮึดฮัด หงุดหงิด พยายามจะเพ่งขับไล่ความมืดให้ออกไป หรือพยายามจะนึกถึงความสว่าง ทำให้ยิ่งตึงเครียด เพราะทำไม่ถูกหลักวิชชา 

วิธีที่ถูกต้องคือให้ทำเฉย ๆ นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ทำใจสบาย ๆ อยู่กับความมืดสักพักหนึ่ง เดี๋ยวตัวเราก็จะค่อย ๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย ขยาย แสงสว่างก็จะเกิดขึ้น มันก็เป็นขั้นเป็นตอนไป

ให้เริ่มตันทำให้ถูกหลักวิชชา เดี๋ยวเราก็จะกำความสำเร็จล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะยังไงเราก็ต้องเข้าถึงอย่างแน่นอน ที่เข้าไม่ถึงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราขยัน และทำถูกหลักวิชชา หมั่นตรึก หมั่นนึก หมั่นคิด หมั่นฝึกฝน หมั่นสังเกดไปเรื่อย ๆ มันจะไปสู้เราได้อย่างไรเดี๋ยวก็แพ้เรา ฝึกไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ

แล้วก็ไม่ต้องไปควานหาอะไรในที่มืด เผื่อว่าจะเจอดวงหรือองค์พระ ก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้นนะ ให้ดูเฉย ๆ เพราะดวงกับองค์พระมีแล้วในตัว 

เหมือนเรา อยู่ห้องมืด ๆ ในห้องเต็มไปด้วยโต๊ะ เตียง ดั่ง สู้เก้าอี้ ข้าวของบนโต๊ะมากมาย เราเข้าไปในห้องมืด ไหม่ ๆ ยังไม่คุ้น มองอะไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่โต๊ะ เตียง ดั่งดู ก็มีอยู่ 

แต่พอเรายืนนิ่ง ๆ ทำเฉย ๆ สักพักพัก สายตาเราก็จะค่อย ๆ ชินกับความมืด จากมืดมืดก็มามืดมาก จากมืดมากมามืดมัว มาสลัวลาง ๆ พอที่เราจะเห็น ตู้โต๊ะ เตียง ดั่งได้ พอที่จะค่อย ๆ เดินไปข้างค้นพาสวิตช์ไฟได้

ความมืดภายในตัวก็คล้าย ๆ อย่างนั้น ทำใจเราให้คุ้นกับความมืดภายในด้วยใจที่สบาย ความสบายเท่านั้น จึงจะทำให้เข้าถึงธรรมได้ 

ความลำบากไม่เคยทำให้ใครเข้าถึงธรรมเลย ต้องอารมณ์สบายอย่างเดียว แม้พระธุดงค์ท่านความมืดเป็นเกลอเป็นสหายของเรา แล้วเราจะอยู่กับความมืดใต้อย่างสบายใจ โดยไม่หงุดหงิดฮึดฮัดว่า เรานั่งมาตั้งนานแล้วทำไม่ไม่สว่างสักที

แม้เราจะรู้ว่าอารมณ์สบาย จะทำให้ใจหยุดนิ่งเข้าถึงถึงธรรมได้ แต่บางคนไม่รู้วิธีการ พยายามไปควานหาอารมณ์สบาย เลยไม่สบาย เพราะมัวไปหาว่าทำอย่างไรถึงจะสบาย มัวแต่ตั้งท่าอยู่ บางทีตั้งเป็นชั่วโมงเลย นั่งท่านั้น ทำนี้นึกอย่างนั้น อย่างนี้ ที่จริงอารมณ์สบายมีอยู่แล้วนะ แค่เราทำใจนิ่ง ๆ เฉย ๆ

เดี๋ยวอารมณ์สบายมาเอง ที่ช้ากันอยู่ เพราะมัวไปหาอารมณ์สบาย แล้วมันไม่สบาย อย่าไปควานหาอารมณ์สบาย ให้ทำนิ่ง ๆ เฉย ๆ เดี๋ยวก็มีมาเองทั้งอารมณ์สบาย ทั้งแสงสว่าง ทั้งดวงใส ๆ องค์พระใส ๆ ต้องจับหลักตรงนี้ให้ดี


ธรรมะจากคุณครูไม่ใหญ่

๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

บางสิ่งที่แสวงหา (หน้า ๔-๖)

ภาพดีๆ ๐๗๒, เพจการบ้าน

ความคิดเห็น

  1. ✨น้อมกราบหลวงพ่อธัมมชโย #คุณครู
    ไม่ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ
    🌿🌷🏵️🌺🌸💮🌷💮🌸🌺🏵️🌷🌿

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น