ทำบุญครั้งหนึ่งก็ใช้ได้หลายครั้ง ทำบาปครั้งหนึ่งก็เจอกันหลายครั้งเหมือนกัน จะมีอบายภูมิรองรับ มียูนิฟอร์ม มีรูปร่างรองรับ
ภพอบาย รูปร่างที่รองรับก็ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย แล้วก็สัตว์นรก จะมีรูปร่างต่าง ๆ พิลึกกึกกือทีเดียว เยอะแยะไปหมด แล้วแต่บาปที่ปรุงแต่งผสมผสานระหว่างความโลภ ความโกรธ ความหลง
เหมือนแม่สีสามสี มาผสมกันอย่างละนิดละหน่อยก็ออกมาเป็นสีต่าง ๆ เยอะแยะ
บาปอกุศลที่มาผสมผสานกันระหว่าง โลภะ โทสะ โมหะ อย่างละนิดละหน่อย ก็ออกมาเป็นรูปร่างของสัตว์นรก รูปร่างของเปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานสัตว์เดรัจฉานก็มีมากมาย ตั้งแต่สัตว์ใหญ่ สัตว์ปานกลาง กระทั่งสัตวเล็ก ๆ น้อย ๆ มีรูปร่างมารองรับ
สุคติภพ ก็มีกายทิพย์มารองรับ กายทิพย์ก็ยังแบ่งออกไปตั้งเยอะแยะนาค ยักษ์ คนธรรพ์ ภุมเทวา รุกขเทวา อากาศเทวา ชาวสวรรค์ พรหมรูปพรหมรองรับ
ใครเป็นผู้กำหนดยูนิฟอร์ มและขั้นตอนนี้ ก็บุญกับบาปนั่นแหละ พระกับมารเป็นผู้กำหนดอยู่ฉากหลัง พระก็อยู่เบื้องหลังบุญ มารก็อยู่เบื้องหลังบาป
แล้วเวลาที่เขาประกอบรูปร่างขึ้นมา ก็เอาบุญกับบาปประกอบนั่นแหละ บุญก็ปรุงในฝ่ายสุคติ บาปก็ปรุงในฝ่ายทุดติ พอมีรูปร่างเขาก็เอาภพมารองรับ เหมือนเอาโลกมารองรับมนุษย์อย่างนี้แหละ แต่นั่นเป็นโลกของสัตว์นรก
โลกของเทวดาที่เราเรียกว่า สวรรค์ โลกของผู้ที่ทำบาปเขาเรียกว่า นรก สวรรค์เขาก็มีกิจกรรมของสวรรค์ อบายก็มีกิจกรรมของอบาย
แต่พอมาเมืองมนุษย์ ซึ่งเป็นชุมทางของสุคติ และทุกติมารวมตรงนี้ บุญบาปมันผสมกันปรุงกันในเมืองมนุษย์ แต่ถ้าสุคติภพบุญปรุง ถ้าอบายบาปปรุง
ถ้าเป็นมนุษย์บุญกับบาปผสมกันปรุง เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงแตกต่างหลากหลายไปตามกำลังบุญบาป เยอะแยะไปหมดเลย แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ภาษาต่าง ๆ หลากหลายกันไปหมดเลย เพื่อจะให้มนุษย์สื่อสารกันไม่ได้
ในตัวมนุษย์มีทั้งบุญทั้งบาป ดูตัวเราเป็นเกณฑ์ มีทั้งบุญทั้งบาปอยู่ในตัว ตาสวย แต่จมูกขี้เหร่ ปากสวยแต่ฟันคุด ฟันเกเหห่าง นี่แหละความหลากหลายเกิด
พอความหลากหลายเกิดขึ้น ความเห็นมนุษย์ก็แตกต่างกันไป และเพราะความแตกต่าง จึงทำให้แตกแยก พอแตกแยกทำให้รวมกันไม่ติด อย่างนี้ก็ง่ายสิ แบ่งแยกและปกครอง มารก็จะได้ปกครองง่าย คือ แบ่งแยกมนุษย์ ไม่ให้รู้ว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ให้มีความเชื่อที่แตกต่างกัน
แม้แต่สามีภรรยาที่รักกันอยู่ บางทีทำให้ความคิดแตกต่าง แม้แต่ตัวเราเองยังแตกต่าง เช้าคิดอย่าง สายอย่าง เที่ยงอย่าง บ่ายอีกอย่าง กลางคืนอีกอย่าง ก่อนนอนไม่รู้จะเอาอะไร
ที่จริงเป็นคนคิดน้อยไม่ได้คิดมากเลย ทั้งคืนนอนไม่หลับเพราะคิดน้อย คิดอยู่รื่องเดียววน ๆ อยู่ว่า จะเอาอย่างไร เอากับใคร เอาที่ไหน คิดวน ๆ อยู่แค่นี้จนสว่างคาตา นี่ชีวิตมนุษย์เป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้น จึงต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง ไม่แจ้งไม่ได้ และมรรคผลนิพพานอยู่ในตัว เราก็ต้องไห้โอกาสตัวของเราแสวงหามรรคผลนิพพานโดยวิธีหยุดนิ่งเฉย
ธรรมะจากคุณครูไม่ใหญ่
๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
บางสิ่งที่แสวงหา (หน้า ๑๒-๒๕)
ภาพดีๆ ๐๗๒, เพจการบ้าน


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น