ทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องมี แก่ และตายไป ในเวลาที่ความตายหรือมรณะใกล้เข้ามานั้น คนเรามักยังไม่รู้ว่า มีอะไรรออยู่ข้างหน้า..
วันนี้เราจะมาดูช่วงเวลาที่ทุกชีวิตใกล้จะดับจิต เป็นสถานการณ์ที่ต้องเจอกันทุกคน นั่นคืออารมณ์แห่งจิต 3 ประการ ซึ่งหากนิมิตใดไม่ปรากฎ อีกนิมิตหนึ่งก็จะปรากฎขึ้นมาแทน จะมีอะไรบ้างนั้น?? ไปดูกันเลยค่ะ1. กรรม คือกรรมที่ตนเคยทำเอาไว้แต่ก่อนๆ ทั้งกรรมดีและไม่ดี แต่ต่างก็มีผลทั้งสิ้น หากเคยทำกรรมที่ไม่ดีเอาไว้ เมื่อจิตดับลง ก็น้อมนำให้ไปเกิดในทุคติภูมิ เช่นโลกนรกเป็นต้น แต่ถ้าทำกุศลกรรมเอาไว้ ภาพที่เคยทำความดีจะมาปรากฏให้ระลึกถึงอารมณ์ที่ดีงามและจะน้อมนำไปเกิดในสุคติ
2. กรรมนิมิต จะปรากฎอุปกรณ์ของการกระทำในอดีตมาให้เห็น การทำกรรมทุกชนิดทั้งดีและไม่ดี ต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือทั้งนั้น เช่น เคยทำกรรมไม่ดี ไปฆ่าคนอื่นไว้ ด้วยอุปกรณ์ใด อุปกรณ์นั้นจะมาปรากฏให้เห็น ในทางกุศลกรรมก็เช่นกัน จะมาปรากฏให้เห็นอย่างแจ่มชัด จิตยึดเหนี่ยวเอาเป็นอารมณ์แล้วดับจิตลง ก็ตรงไปอุบัติเกิดในสุคติภูมิ
3.คตินิมิต ได้แก่นิมิตต่างๆ บ่งบอกถึงคติโลกที่จะต้องไปเกิด ปรากฏขึ้นให้เห็นชัดเจนทางมโนทวาร บางทีเป็นภาพที่ตนเคยเห็น บางทีก็เป็นภาพที่ตนไม่เคยเห็น แต่ส่วนมากเป็นภาพ ที่ตนไม่เคยเห็น ดังนี้
ในโลกนรก เมื่อจะขาดใจตายนั้น ย่อมเห็นเป็นเปลวไฟร้อนระอุ เห็นหม้อเหล็กแดง เห็นไม้งิ้วหนามเหล็ก เห็นฝูงผีปีศาจราชทูต รูปร่างพิกลไม่เคยเห็นมาก่อน ถือไม้ฆ้อนเหล็กจะตีกะบาล หรือถือหอกเหล็กโตเท่าลำตาลจะพุ่งมาที่ทรวงอก หรือมาฉุดกระชากลากตัวไป บางทีเห็นเป็นแร้งกากำลังมาจะฉีกกัดเลือดเนื้อของตัวกิน ภาพปรากฏภาพชัดเจนทำให้เกิดความตกใจสะดุ้งกลัว ถ้าเขาส่งเสียงได้เขาจะร้องโวยวายให้คนช่วย ดูน่าสงสาร นิมิตนี้ชี้ว่าต้องไปตกนรกเป็นแน่
เปรตอสุรกาย จะเห็นคตินิมิตเป็นหุบเขาหรือถ้ำที่มืดมิด บางทีเห็นเป็นแกลบและข้าวลีบมากมาย รู้สึกหิวโหยอาหารและน้ำ บางครั้งเห็นจะเป็นน้ำเลือดน้ำหนองน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนยิ่งนัก บางครั้งเห็นเปรตอสุรกายร่างใหญ่โตน่าเกลียดน่ากลัว เนื้อตัวสกปรกรุงรัง นิมิตนี้ชี้ให้รู้ว่า ตายแล้วจะได้ไปเกิดเป็นเปรตอสุรกาย
สัตว์เดรัจฉาน ย่อมเห็นคตินิมิตเป็นทุ่งหญ้าป่าไม้ เชิงเขา ชายน้ำ กอไผ่ ภูเขา บางทีก็เห็นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ มาปรากฏ เช่นเห็นเป็นเนื้อถึก โคกระบือ หมู หมา เป็ดไก่ เหี้ย นก หนู จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งกือไส้เดือน เหล่านี้เป็นต้น
เกิดเป็นมนุษย์ เขาจะเห็นคตินิมิตขณะที่ใกล้จะดับจิต เป็นก้อนเนื้อ ก้อนเล็ก ๆ อยู่ในครรภ์มารดา หรือเห็นครรภ์มารดาในชาติหน้าที่ใกล้จะมาถึงนี้ ปรากฏให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนแจ่มใส ถ้าเห็นอย่างนี้ ก็เป็นนิมิตชี้ให้รู้ว่า เขาผู้นั้นจะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
เกิดเป็นเทพบุตรเทพธิดา เห็นคตินิมิตเป็นทิพยวิมาน ปราสาทราชวังที่สวยงามไม่มีในเมืองมนุษย์ บางทีก็เห็นเป็นต้นกัลปพฤกษ์ และเป็นต้นไม้สวรรค์ ซึ่งตนไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นสิริไสยาสน์ที่นอนอันประเสริฐปรากฏในทิพยพิมาน งดงามนักหนา บางทีเห็นเป็นเทพบุตรเทพธิดาชาวสวรรค์ขับระบำรำฟ้อน รื่นเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ประดับกายด้วยอาภรณ์ที่ประณีตสวยงาม มาปรากฎ
พระโสณะเถระ "แก้กรรมให้บิดา" ?? คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่าน
เมื่อเป็นดังนี้ นิมิตที่ปรากฏทีหลังจะมีกำลังมากกว่า จิตของผู้กำลังจะตายจะยึดหน่วงเอาเป็นอารมณ์ นำไปสู่คติที่ปรากฏอันหลังเป็นแน่
“...วัยย่อมเสื่อมลงเรื่อยๆ ทุกหลับตาและลืมตา เมื่อวัยเสื่อมสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีอย่างไม่ต้องสงสัย” (ขุ.ชา.27/611-2/146)
การบวช เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะได้อานิสงส์ผลบุญมาก คือ ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้กับตัวเองและคุณพ่อคุณแม่ หากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนาไปทุกชาติ รวมทั้งการชักชวนให้คนมาบวช ก็จะทำให้เรามีพวกพ้องหมู่ญาติที่เป็นคนดี เป็นบัณฑิต ต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โลกทีปนี เล่มที่ 11 หน้าที่ 15-19
รูปภาพจาก เพจการบ้าน, Pixabay
อนุโมทนาสาธุ
ตอบลบขอกราบนมัสการและขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ
ตอบลบเวลาล่วงไป ล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่?? เร่งทำความดีกันนะคะ สาธุๆๆค่ะ
ตอบลบ
ตอบลบสาธุๆ สาธุครับ
การบวช กับการลงทุนที่...คุ้มค่าเกินยิ่ง
ตอบลบหากจะมีใครเปรียบเทียบการบวชเป็นอาชีพหนึ่งในโลก
(อาชีพ-แปลว่า ความเป็นอยู่)
อาชีพเป็นนักบวชนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มเกินคุ้ม เพราะอะไร...?
เพราะหากบวชด้วยศรัทธาและปัญญา
ย่อมได้บรรลุสามัญญผลเป็นประโยชน์ถึง ๓ ระดับ คือ
๑. ประโยชน์ในโลกนี้ เช่น ลาภสักการะ ความเป็นไท และคุณธรรมมีศีล ฌาน วิปัสสนา มรรคและผล..ได้
๒. ประโยชน์ในโลกหน้า คือหากไม่บรรลุนิพพาน ก็ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์
๓. ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ มรรคผล และนิพพาน
อาชีพใดๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์ ๓ นี้ หากไม่ประพฤติในคำสอนของพระพุทธะทั้งหลาย
มิน่าเล่า..! ผู้มีปัญญาอย่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงพากันออกบวช เพราะให้บรรลุผลประโยชน์สาม และได้เป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลายผู้สิ้นทุกข์ทั้งปวง
“....กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป
ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ
พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้.”
“.....กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป
ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ
พึงละอามิสในโลก(บวช)เสีย มุ่งสันติเถิด.”
อนุโมทนาสาธุ