เรื่องราวของพระเทวทัตนี้ เราท่านย่อมทราบกันดีแล้วว่า ท่านเป็นคู่เวรคู่อาฆาตกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานานหลายภพชาติ..
เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ทั้ง ๆ ที่บวชเป็นพระภิกษุในสำนักของพระพุทธองค์ แต่ด้วยความหลงผิดจึงได้ก่อกรรมชั่วนานาประการ..ถึงขั้นอนันตริยกรรม คือ กลิ้งหินลงมาจากยอดเขา หวังให้ทับสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้สิ้นพระชนม์ชีพ
![]() |
dhammajak.net |
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าพระวรกายของพระพุทธเจ้าเป็น อเภทกาย คือเป็นพระวรกายที่ใครจะทำร้ายให้แตกสลายไปไม่ได้!
ถึงกระนั้น กรรมของพระเทวทัตก็ถึงขั้นอนันตริยกรรม นำให้มาเกิดในอเวจีมหานรกนี้ได้แล้ว
ฉะนั้น พอดับจิตตายลง ก็ตรงดิ่งมาสถานที่นี่ เกิดเป็นกายสัตว์นรกอเวจีสูงยอดได้ ๓๐๐ โยชน์ ยืนนิ่งไม่ไหวติงเสวยทุกข์อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม
ศีรษะทะลุเข้าไปในเพดานแค่หู ฝ่ายข้างเท้าก็จมลึกเข้าไปในพื้นเหล็กแค่ข้อเท้ามีหลาวเหล็กเท่าต้นตาลขนาดใหญ่แทงจากข้างหลังทะลุข้างหน้า
โดยที่ปลายเหล็กทั้งสองข้างติดอยู่ข้างฝา แล้วยังมีหลาวเหล็กอีกอันหนึ่ง แทงสีข้างขวาทะลุสีข้างซ้าย โดยที่ปลายหลาวทั้งสองข้างติดอยู่ที่ฝาเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นยังมีหลาวเหล็กอีกอันหนึ่ง เสียบตั้งแต่ศรีษะทะลุลงมากลางลำตัวโดยที่ปลายเหล็กข้างหนึ่งติดอยู่บนเพดาน อีกข้างหนึ่งจรดพื้น
พระเทวทัตถูกเหล็ก ๓ อันตรึงให้ยืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้ ก็เพราะว่าท่านได้กระทำความผิดต่อพระพุทธองค์ผู้ไม่ทรงหวั่นไหวในโลกธรรมทั้งมวล ซึ่งนับเป็นความผิดขั้นอุกฤษฏ์
![]() |
pixabay.com |
แม้จนขณะนี้ยังเสวยทุกข์โทษอยู่เช่นนั้น ณ อเวจีมหานรก..
เพราะอนันตริยกรรมนี้ใครทำเข้าย่อมเป็นนิยโตบุคคลเที่ยงแท้ที่จะต้องไปตกในมหานรกอเวจี
อนึ่ง เมื่อเป็นมนุษย์ได้เคยทำครุกรรม กรรมหยาบช้า เช่น บุตรธิดาทุบตีประหารบิดามารดา แต่ท่านยังไม่ตาย ต่อมาภายหลังจึงตายด้วยโรคที่ถูกทุบตีนั้น
เช่นนี้ก็จัดเป็นครุกรรม หรือมิฉะนั้นบุคคลที่ประหารทุบตีพระอรหันต์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ก็อาจนำให้ไปเกิดในอเวจีมหานรกนี้ได้.. เพราะเป็นครุกรรมนั่นเอง
โลกทีปนี เล่ม 11 หน้า 38-39
รูปภาพจาก Google.com
สาธุ
ตอบลบคิดให้ดีก่อนจะสร้างกรรม
ตอบลบ