การที่จะอบรมบ่มเพาะภาษา นิสัย คุณธรรม และวัฒนธรรมที่ดีให้กับลูกหลานนั้น ต้องทำตั้งแต่อายุยังน้อย ตามภาษิตที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”
ดังเรื่องของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย เพราะมีความรู้ด้วยกันทั้งคู่
ต่อมาทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกันสองคน พยายามเลี้ยงดูตามอย่างฝรั่ง ในบ้านก็ปฏิบัติตัวอย่างฝรั่ง พูดกันด้วยภาษาอังกฤษ
ยามมีเพื่อนฝูงคนไทยไปเยี่ยม จึงจะพูดภาษาไทยกันที เด็กสองคนจึงพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ฟังพอรู้เรื่อง และทำตามคำสั่งได้ พ่อแม่ก็มิได้ว่าอะไร
ภาพประกอบบทความ การเลี้ยงลูก |
เมื่อลูกโตเป็นวัยรุ่น พ่อแม่จึงพามาเยี่ยมญาติพี่น้องที่ประเทศไทย แนะนำญาติพี่น้องให้หลานรู้จัก บอกให้ไหว้คนโน้นทีคนนี้ที ให้ลูกสวัสดีลุงป้าน้าอา
พาไปที่บ้านเพื่อน ๆ ก็บอกให้ลูกทำอย่างนั้น อย่างนี้ ลูกทั้งสองเมื่อพ่อแม่สั่ง ก็จำต้องทำแบบเก้ ๆ กัง ๆ ไม่สนิท พูดก็ไม่ชัด
เมื่อถูกถามก็โต้ตอบไม่ได้ พ่อแม่ต้องคอยกำกับ ทำให้ดูบ้าง พูดนำบ้าง ทำให้ลูก ๆ อึดอัด อายคนก็อาย แต่จำใจต้องทำตามพ่อแม่
ที่สำคัญคือญาติพี่น้องบางคน ตำหนิพ่อแม่ว่าทำไมไม่สอนลูกให้พูดภาษาไทย ไม่สอนมารยาทไทยให้ลูกอะไรทำนองนี้ ทำให้รู้สึกว่าตนเป็นเด็กที่ใช้ไม่ได้ เพราะขาดการอบรมสั่งสอน
เกือบสามอาทิตย์ผ่านไป เด็ก ๆ เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง จะสบายใจขึ้น เมื่อพ่อแม่พาไปเที่ยวตามลำพัง หรือเมื่อลูก ๆ ของญาติที่รู้ภาษาอังกฤษดีพาไปเที่ยว
ก่อนกลับอเมริกา ญาติ ๆ ผู้ใหญ่ต่างอวยชัยให้พรตามธรรมเนียม บวกกับคำพูดที่ปรารถนาดี “กลับไปแล้วพยายามเรียนภาษาไทยนะ พูดได้บ้างก็ยังดี มารยาทไทย การกราบ การไหว้ก็ต้องฝึกไว้ อย่าลืมว่าเชื้อสายเราเป็นคนไทย”
เมื่อกลับไปถึงอเมริกาแล้ว พ่อแม่ก็พยายามพูดภาษาไทยกันในบ้านและบังคับให้ลูกพูดจาโต้ตอบเป็นภาษาไทย
“ทำไมลูกไม่เรียนภาษาไทยให้ดีกว่านี้ แค่ฟังได้อย่างเดียวไม่พอ ต้องพยายามพูดให้ได้ด้วย เวลาไปเมืองไทยจะได้พูดกับญาติพี่น้องได้รู้เรื่อง ไม่ต้องมาอึดอัดขายหน้าพ่อแม่อย่างที่แล้วมา”
ทั้งสองคนไม่โต้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำตาม พ่อแม่เริ่มอึดอัดเสียเอง วันหนึ่งจึงบอกลูกว่า
“ต่อไปนี้ต้องบังคับกัน เมื่ออยู่ในบ้านต้องพูดภาษาไทยกัน ห้ามพูดภาษาอังกฤษ”
ลูกทั้งสองคนมองหน้ากัน เห็นพ่อแม่เอาจริง คนโตจึงพูดกับพ่อแม่เป็นภาษาอังกฤษที่แปลได้ความว่า
“คุณพ่อคุณแม่จะมาบังคับอะไรกันตอนนี้ สมัยที่ผมกับน้องยังเป็นเด็กอยู่ ทำไมจึงไม่บังคับเสียแต่ตอนนั้น ทำไมจึงไม่พูดภาษาไทยในบ้านมาแต่แรก ผมและน้องคงไม่ไปเมืองไทยอีกแล้ว เพราะไปแล้วก็พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง”
พ่อแม่ฟังลูกพูดแล้วก็ได้แต่นิ่ง เหตุผลของลูกถูกต้องทุกอย่าง เป็นความผิดของตนเองแท้ ๆ ที่ไม่อบรมบ่มเพาะเขามาตั้งแต่แรก
แล้วครอบครัวนั้นก็กลายเป็นครอบครัวฝรั่งไปโดยปริยาย เด็กสองคนนั้นก็มิได้มาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องที่เมืองไทยอีกเลย.
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า..
การที่ลูกหลานทำอะไรไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูกต้องจนเป็นที่ขวางหูขวางตาผู้ใหญ่นั้น มิใช่เป็นความผิดของเด็กหรือของคนอื่นตลอดถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เลย เป็นความผิดของพ่อแม่สถานเดียว
ถ้าพ่อแม่รักลูกอย่างถูกทาง และกล้าที่จะยอมเห็นลูกเจ็บ โดยฉีดวัคซีนแห่งความดีความถูกต้อง อบรมบ่มเพาะลักษณะนิสัยที่ดีไว้ในตัวลูกเรื่อยมา
จนเขามีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งและติดเป็นนิสัยถาวรแล้วคนอื่นและสิ่งแวดล้อมจะมาทำอะไรลูกได้มากมายนัก จิตสำนึกที่ดีและความรักดีที่ได้รับการปลูกฝังมาแต่เด็กนั้น ก็จะยังสถิตมั่นอยู่ในใจของเขา และจะฉุดรั้งเขามิให้หลงเพลินไปตามกระแสโลกเกินไป
การที่เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ มีนิสัยที่ผู้ใหญ่รับไม่ได้ ตลอดถึงมีวุฒิภาวะต่ำจนน่าตกใจนั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้รับการฝึกฝนอบรมบ่มเพาะเชื้อแห่งความดีอย่างต่อเนื่องมาแต่เด็ก
ประกอบกับได้เห็นแต่ภาพที่ไม่ดีที่พ่อแม่ปฏิบัติเป็นประจำ จึงทำให้เขาติดเชื้อเช่นนั้นจากพ่อแม่แล้วทำตามอย่างเท่านั้นเอง.
หนังสือ กิร ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพจาก เพจการบ้าน, pexels.com
กราบแทบเท้าพระคุณเจ้าที่เคารพยิ่ง เนื้อหาธรรมะนี้มีคุณค่าต่อคนเป็นพ่อแม่ ผู้ดูแลเด็กอย่างยิ่ง สาธุ ขอกราบอนุโมทนาบุญ
ตอบลบกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบ